นางดรุณี อภินรเศรษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่การรงิน บมจ.ผลิตไฟฟ้า ราชบุรีโฮลดิ้ง(RATCH)คาดว่า ในครึ่งปีหลังกำไรสุทธิของบริษัทจะน้อยกว่าในครึ่งปีแรกที่มีกำไรสุทธิ 2.98 พันล้านบาท เนื่องจากค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้า(AP)ในปีนี้ตามสูตรสัญญาค่าไฟฟ้า เป็นปีที่ค่า AP น้อยที่สุดตามโครงสร้างสัญญา ซึ่งปีหน้าเชื่อว่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติ ตามโครงสร้างค่าไฟฟ้า ประกอบกับปีนี้ บริษัทต้องจ่ายภาษีเต็มจำนวนเป็นปีแรก ทำให้กำไรสุทธิลดลงจากปีก่อนค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารอยู่ระหว่างพิจารณาการจ่ายปันผลระหว่างกาล ซึ่งพยายามรักษาระดับการจ่ายปันผลเท่ากับปีที่แล้ว โดยในปี 52 จ่ายเงินปันผลอัตรา 2.25 บาท/หุ้น และจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1.10 บาท/หุ้น
"ตอนนี้ทางฝ่ายบริหารก็กำลังพิจารณากันอยู่ แม้ว่ากำไรของเราจะลดลงมากเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็จะพยายาม maintain การจ่ายปันผลให้เท่ากับปีก่อนเอาไว้ และมั่นใจว่าจะจ่ายปันผลระหว่างกาลได้เช่นเดิม"นางดรุณี กล่าว
*คาดปีนี้สรุปลงทุนโรงไฟฟ้า ตปท. 1-2 แห่ง
นายพีระวัฒน์ พุ่มทอง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจ RATCH เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนทั้งในและต่างประเทศ กำลังการผลิตรวม 2 พันเมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการลงทุนระหว่างปี 53-59 ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซ พลังงานความร้อน และถ่านหิน รวมถึง พลังงานสะอาด และโครงการลงทุนในเหมืองถ่านหิน
"ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ หรือในอาเซียน คาดว่าจะได้ข้อสรุป 1-2 โครงการภายในปีนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีความคืบหน้าไปมาก อาจจะเสร็จทันในปีนี้ และอีกหนึ่งโครงการอยู่ระหว่างเสนอราคาประมูล หวังว่าเสร็จทันในปีนี้หรืออย่างช้าต้นปีหน้า โดยทั้ง 2 โรงไฟฟ้ามีกำลังการผลิต 300-400 เมกะวัตต์ต่อแห่ง"นายพีระวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมีความพร้อมด้านเงินลงทุน เนื่องจากปัจจุบันมีกระแสเงินสดอยู่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และมีหุ้นกู้อีก 7.5 พันล้านบาท ซึ่งได้ขออนุมัติผู้ถือหุ้นไว้แล้ว หากมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และเงินลงทุนจำนวนมาก เชื่อว่าทั้งสองส่วนจะเพียงพอต่อการลงทุน
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปในการซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เขาค้อเพิ่มอีก 30% จากบริษัท วินโฮลดิ้ง ภายในส.ค.นี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 200 ล้านบาท และ RATCH จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สัดส่วน 60%
นายพีระวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทเตรียมเสนอแผนสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)อนุมัติ 2 พันเมกะวัตต์ ทั้งนี้ บริษัทน่าจะมีความพร้อมเสนอได้ 3-4 โครงการ โดยมีทั้งการลงทุนเองและร่วมทุนกับบริษัทอื่น เบื้องต้นสนใจทำเลตั้งโรงไฟฟ้าในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่มีกำลังซื้อแน่นอน
สำหรับโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการเจรจา คือโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำ-น้ำงึม 3 ในประเทศลาว บริษัทถือหุ้น 25% คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 60
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนหงสา ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งใช้เงินลงทุนจำนวนมาก โดยเร็วๆนี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปกับสถาบันการเงิน โดยคาดว่าจะใช้เงินกู้ประมาณ 9.5 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการ โครงการนี้บริษัทถือหุ้น 40% กำลังการผลิต 751 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ราวปี 58