โบรกฯหนุน"ซื้อ"PTTEP เล็งปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 53 หลัง Q2 ดีกว่าคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 30, 2010 16:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้องแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)คาดกำไรทั้งปี 53 เติบโตมากเมื่อเทียบกับปีก่อน หลังจากงวดครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 2.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากกำไรไตรมาส 2/53 สูงเกินคาด ทำให้บางโบรกฯเตรียมปรับประมาณการกำไรปีนี้เพิ่มขึ้น

ผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นมีเหตุผลหลักมาจากปริมาณขายสูงขึ้นจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.54 แสนบาร์เรล/วัน แต่ในไตรมาส 2/53 ปริมาณขายขึ้นไปสูงสุดที่ 2.6 แสนบาร์เรล/วัน และมองว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังก็จะยังมีปริมาณขายได้ดีตามความต้องการก๊าซเติบโต

รวมทั้ง บริษัทได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปีในโครงการ MJDA ทำให้อัตราการจ่ายภาษีลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และบริษัทยังรับรู้ค่าชดเชยจากความเสียหายในแหล่งมอนทาราในไตรมาส 3/53 ที่ได้บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายไปล่วงหน้าในปี 52 แต่ประเด็นมอนทาร่าก็ยังกดดันราคาหุ้น เพราะยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับรายงานผลตรวจสอบความเสียหายจากรัฐบาลออกสเตรเลีย คาดว่าจะมีการเปิดเผยหลังการเลือกตั้งทั่วไปของออสเตรเลียในเดือน ส.ค.นี้

อนึ่ง PTTEP ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/53 เท่ากับ 10,615.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.41% จากงวดเดียวกันของปีก่อน(YoY)และ 1.38% จากไตรมาส 1/53(QoQ)

          โบรกเกอร์            คำแนะนำ        ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.กสิกรไทย            ซื้อ                209
          บล.เกียรตินาคิน          ซื้อ                208
          สถาบันนครหลวงไทย       ซื้อ                200
          บล.ทรีนิตี้               ซื้อ                198
          บล.กิมเอ็ง              ซื้อ                195
          บล.กรุงศรีอยุธยา         ซื้อ                190
          บล.ฟาร์อีสท์             ซื้อ                180
          บล.เคจีไอ              ซื้อ                182 (เตรียมปรับขึ้น)
          บล.ฟิลลิป               ซื้อ                178 (เตรียมปรับขึ้น)
          บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส       ซื้อ                178
          บล.ทิสโก้               ซื้อ                177
          บล.โกลเบล็ก            ซื้อ                176

น.ส.รัศดา ทวีแสงสกุลไทย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์มีแนวโน้มที่จะปรับประมาณการทั้งรายได้และกำไรสุทธิในปี 53 ของ PTTEP เพราะปริมาณขายเฉลี่ยครึ่งปีแรกสูงถึง 2.57 แสนบาร์เรล/วัน เกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ที่ 2.54 แสนบาร์เรล/วัน และเฉพาะในไตรมาส 2/53 มีปริมาณขาย 2.6 แสนบาร์เรล/วัน และคาดว่าไตรมาส 3-4 ปริมาณขายน่าจะเติบโตดีขึ้นอีก

ขณะที่กำไรสุทธิในครึ่งปีแรก ทำได้ 2.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% YoY จากที่ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรปี 53 เท่ากับ 3.59 หมื่นล้านบาท รวมทั้ง อัตราภาษีจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากที่โครงการ MJDA ได้รับบีโอไอ จึงได้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี

"จะปรับขึ้นทั้งยอดขายและกำไรในปี 53 รวมทั้ง ปรับขึ้นราคาเป้าหมายด้วยจากที่ให้ไว้ 178 บาท"น.ส.รัศดา กล่าว

ส่วนความเสียหายจากแหล่งมอนทารา ผู้บริหารระบุว่าคงไม่มีปัญหาอะไร และส่วนข่าวที่ทางการอินโดนีเซียจะเรียกร้องค่าเสียหายกับบริษัทนั้น ก็ยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม มองว่าเรื่องนี้บริษัทเสียหายไม่มาก ซึ่งค่าเสียหายที่ทางการอินโดนีเซียอาจะเรียกร้องเป็นเงินประมาณ 1.8 พันล้านบาท เทียบกับกำไรที่ทำได้ปีละ 4 หมื่นล้านบาทถือว่าไม่มาก

ขณะเดียวกัน ความเสียหายของแหล่งมอนทารา บริษัทได้ตั้งสำรองไว้แล้ว ต่อไปก็จะรอรับเงินชดเชยจากบริษัทประกันเข้ามา

"ดีมานด์ก๊าซที่โตขึ้น เขาก็มีวอลุ่มขายที่เพิ่มขึ้น แล้วราคาขายก๊าซก็ดีขึ้น ทำให้ PTTEP น่าเข้าลงทุน"น.ส.รัศดา กล่าว

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)กล่าวว่า อาจจะมีการปรับเป้าหมายในปี 53 หลังจากผลประกอบการในครึ่งปีแรกทำได้ดี แต่ผู้บริหารบริษัทยังไม่ปรับเป้าหมาย จึงต้องรอดูท่าทีก่อน เพราะครึ่งปีแรกมีปริมาณขายถึง 2.6 แสนบาร์เรล/วัน เกินกว่าเป้าหมายเล็กน้อย จึงต้องรอดูว่าในช่วงไตรมาส 3/53 บริษัทจะยังรักษาระดับปริมาณขายไว้ได้หรือไม่

ทั้งนี้ บล.เคจีไอ ประมาณการกำไรสุทธิ ปี 53 ที่ 3.52 หมื่นล้านบาท

"ในส่วนของเราเอง เราทำ conservative กว่าตัวของเขา เพราะฉะนั้นก็อาจมีแนวโน้มปรับได้บ้าง แต่ก็คงไม่ได้เยอะมาก อย่างน้อยก็ดูในไตรมาส 3 ว่าจะ maintain ในระดับแถวๆที่ทำได้เกิน 2.6 แสนบาร์เรล หรือเปล่า... ครึ่งปีหลังก็อาจจะมีโอกาสอ่อนตัวเหมือนกัน เมื่อเทียบกับครึ่งแรก ก็ยังไม่ได้ปรับเป้าขึ้นมามากเท่าไร แต่ยังไม่จำเป็นปรับ ณ ตอนนี้ แต่ถ้าไตรมาส 3 ทำได้ดีก็อาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้น แต่ก็มี upside จากปริมาณขายที่ดี" นักวิเคราะห์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม คาดว่า ในครึ่งปีหลังยอดขายอาจจะอ่อนตัวกว่าครึ่งปีแรก รวมทั้งยังมีส่วนที่ต้องสำรองเพิ่มของแหล่งมอนทาราเพิ่มอีกประมาณ 1 พันล้านบาท จากที่บันทึกไปแล้วในปีก่อน 1.1 หมื่นล้านบาท จึงยังไม่รู้ว่ากำไรสุทธิจะดีขึ้นหรือไม่ และจะทำให้งบกำไรขาดทุนในไตรมาส 3/53 และไตรมาส 4/53 อ่อนตัวลงบ้าง อีกทั้งค่าใช้จ่ายขุดสำรวจก็มีมากในครึ่งปีหลัง และอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มกรณีที่ขุดพบใม่เจอ

"ครึ่งปีแรกทำได้ดีมากกว่าคาดทั้งไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ซึ่งตลาดได้รวมค่าใช้จ่ายพิเศษแต่ยังไม่เกิดขึ้นทั้งสองไตรมาส ก็คงลากมาในครึ่งหลัง ก็ยังมองความเสี่ยงนี้อยู่ โดยวันนี้คำตัดสินของมอนทารายังไม่ชัดเจน และส่วนปัญหาค่าเสียหายที่อินโดนีเซียเรียกคิดว่าไม่มาก แต่ถ้าต้องบันทึกค่าใช้จ่ายก็ไม่ใช่ข่าวดี...มองว่ายังไม่มีปัจจัยลบอย่างรุนแรง เรื่องที่รู้กันอยู่ก็รับรู้กันในช่วงไตรมาสหนึ่งไตรมาสสองอยู่แล้ว หุ้นก็ไม่ค่อย outperform แต่ถ้ามองทั้งปี ผลประกอบการปีนี้ก็ยังโตจากปีที่แล้วเยอะ ปีหน้าก็ยังโตกว่านี้อีก ฉะนั้น แง่การลงทุนพื้นฐานซื้อลงทุนได้ (1 ปีขึ้นไป)" นักวิเคราะห์ กล่าว

ด้านนายชาญวุทธ เตชอมรธนกิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ความเสียหายจากแหล่งมอนทาราคาดว่าไม่ถึงกับยึดสัมปทาน ส่วนที่อินโดนีเซียเรียกร้องก็ยังไม่ชัดเจนว่ามีความเสียหายอย่างไร ยังต้องมีการพิสูจน์ความชัดเจนต่อไป แต่ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินความเสียหาย ส่วนความชัดเจนจากรัฐบาลออสเตรเลียคาดว่าจะรู้หลังจากการเลือกตั้งของออสเตรเลียในเดือนส.ค.นี้

ส่วนในแง่ผลประกอบการ PTTEP ในปีนี้และปีหน้ากำไรสุทธิจะเติบโตมาก โดยกำไรในไตรมาส 2/53 โตมากกว่าที่คาดไว้ 6% ขณะที่หุ้นในกลุ่มเดียวกันผลประกอบการไม่ค่อยดี และยังมองว่าไตรมาส 3-4/53 ก็ยังดีอยู่ วอลุ่มขายยังมีปริมาณที่สูง หากราคาน้ำมันยังแกว่งตัวในบริเวณ 70-80 เหรียญ/บาร์เรล แต่ถ้าเกินไปกว่านี้ก็ยิ่งดี ซึ่งหากมีการชี้ชัดเรื่องการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกจะมีผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

"เรื่อง Earning ไม่ได้เป็นห่วงอะไร แต่เรื่องมอนทาราที่จะถูกยึดสัมปทานมองว่าเป็นไปได้ยาก ส่วนเรื่องอินโดฯยังไม่ด่วนสรุปอะไร แต่มูลค่าที่เรียกมาก็ไม่มาก ประมาณพันกว่าล้านบาท ขณะที่ตัวบริษัทมีกำไรปีละ 4 หมื่นล้านบาท ก็มองว่าไม่มีนัยก็ได้เหมือนกัน"

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าในปี 53 จะมีกำไรสุทธิ 3.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 72% จากปีก่อนที่มีกำไร 2.22 หมื่นล้านบาท

"ยอมรับว่า ราคาหุ้น PTTEP ถูกกดดันเพราะเรื่องมอนทาราเป็นหลัก ก็น่าจะรอ เพราะเป็นสิ่งเราประเมินหรือวิเคราะห์ไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไร จึงควรรอดูความชัดเจนก่อนเข้าลงทุน" นายชาญวุทธ กล่าว

บล.กิมเอ็ง ระบุว่า แนวโน้มผลกำไรยังคงดีต่อเนื่องในไตรมาส 3/53 ตามปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก จากการเพิ่มปริมาณการจำหน่ายก๊าซของโครงการ MTJDA ในขณะที่ราคาจำหน่ายปิโตรเลียมก็คาดว่าจะยังสูงอยู่ตามราคาน้ำมันดิบและราคาจำหน่ายก๊าซที่ปรับเพิ่มขึ้นมาในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา

นอกจากนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังยังคาดว่าจะมีการรับรู้รายได้เงินประกันภัยจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วและไฟไหม้ในโครงการ Montara อีก ประมาณ 210 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 6.8 พันล้านบาทก่อนหักภาษี โดยส่วนใหญ่จะบันทึกในไตรมาส 4/53 ซึ่งก็จะเป็นปัจจัยหนุนผลกำไรในครึ่งปีหลัง ในขณะที่อัตราภาษีจ่ายก็คาดว่าจะยังต่ำกว่า 40% จากการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นของโครงการ MTJDA

ส่วนประเด็นความคืบหน้าผลการตรวจสอบน้ำมันรั่วไหลและไฟไหม้แหล่งมอนทาร่าของรัฐบาลออสเตรเลีย ผู้บริหารเชื่อว่าความสัมพันธ์ที่ดี บวกกับการดำเนินตามขั้นตอนที่ถูกต้องในการสำรวจจะทำให้บริษัทอาจถูกลงโทษแค่ปรับเงินเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ถึงกับยึดสัมปทานคืน โดยจะเห็นได้จากการที่รัฐบาลออสเตรเลียยังคงให้สัมปทานโครงการ Oliver เพิ่มกับบริษัทหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ราคาหุ้นปัจจุบันมี upside อยู่ 31%จากราคาที่เหมาะสม (DCF) ที่ 195 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ