SET ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 855.83 จุด เพิ่มขึ้น 1.24 จุด(+0.15 %)มูลค่าการซื้อขาย 22,321.28 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งบวกสลับลบ แม้มีแรงซื้อกลุ่มสื่อสาร-อสังหาฯ แต่ก็เป็นการเก็งกำไรรายตัว จึงไม่สามารถผลักดันให้ดัชนีปรับขึ้นได้มาก แนะติดตามความต่อเนื่องแรงซื้อต่างชาติที่จะเป็นตัวชี้ทิศทางตลาดหุ้นไทย พร้อมให้แนวรับสัปดาห์หน้าในช่วง847-842 จุด ส่วนแนวต้าน 860-863 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 855.83 จุด เพิ่มขึ้น 1.24 จุด(+0.15%)มูลค่าการซื้อขาย 22,321.28 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวทั้งในแดนบวกและลบตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ระดับ 856.23 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 851.98 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 238 หลักทรัพย์ ลดลง 113 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 136 หลักทรัพย์
นายวิจิตร ถิรวรรณรัตน์ นักวิเคราะห์อาวุโส บล.พัฒนสิน จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยแกว่งในกรอบแคบมากลักษณะบวกลบสลับกัน โดยรายย่อยมีบทบาทในการลงทุนแต่จะเป็นลักษณะกล้าๆ กลัวๆ และเป็นการเปลี่ยนกลุ่มหุ้นเล่นเพราะไม่มีปัจจัยสนับสนุน ขณะที่มีการเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์ จึงกดดันดัชนีไม่เคลื่อนไหวไปได้ไกล
การลงทุนวันนี้เป็นการเลือกเล่นตามข่าว อย่างกลุ่มสื่อสารบางตัวรับข่าว 3G ที่ กทช.ได้ลงประกาศหลักเกณฑ์ในการประมูล 3G รวมทั้งกำหนดยื่นซองประมูลชัดเจนขึ้นแล้ว ขณะที่ PTTEP เล่นข่าวผลประกอบการที่ออกมาดีและผลผลิตที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เก็งกำไรหุ้นที่มีผลประกอบการดี
อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดหุ้นไทยช่วงนี้คงไม่หวือหวาเพราะยังรอผู้นำอย่างนักลงทุนต่างชาติว่าจะกลับเข้ามาลงทุนต่อหรือไม่ จากก่อนหน้าที่ทยอยซื้อไปแล้วแต่ยังไม่มาก แต่ก็เชื่อว่ามีแนวโน้มที่ยังเข้าลงทุนเพื่อดักหุ้นปันผล ซึ่งบริษัทจดทะเบียนไทยถือว่าเป็นหุ้นที่มีปันผลสูงเมื่อเทียบกับในภูมิภาค เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากวิกฤติเศรษฐกิจและมีมูลหนี้ที่ต่ำ
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้านักวิเคราะห์เห็นว่าตลาดหุ้นไทยคงจะแกว่งตัวบวกสลับลบ โดยยังมีปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนส.ค.ที่คาดว่าจะดี และเป็นประเด็นที่เล่นต่อเนื่องได้ในช่วงนี้ รวมทั้งการกลับมาของต่างชาติจากการทยอยประกาศจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน พร้อมให้แนวรับไว้ในช่วง 847-842 จุด ส่วนแนวต้าน 860-863 จุด
ส่วน น.ส.มยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า นักลงทุนยังคงเฝ้าติดตามการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2/53 ของสหรัฐฯที่จะมีการประกาศในคืนนี้ ส่วนปัจจัยในประเทศก็ยังไม่มีอะไรที่น่ากังวล โดยในช่วงบ่ายวันนี้ธปท.ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจมิ.ย.โดยรวมก็ออกมาดีมาก แต่ก็ยังต้องติดตามการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัวที่คาดว่ากำไรจะออกมาดี
"ต่างประเทศก็ต้องติดตาม GDP ไตรมาส 2/53 ของสหรัฐฯว่าจะออกมาเท่ากับที่ตลาดคาดไว้ที่ 2.5% หรือไม่ ซึ่งถ้าเกิดเห็นการขยายตัวในเกณฑ์ที่ดีกว่าที่ตลาดคาดก็คงจะส่งผลให้ดาวโจนส์คืนนี้อาจจะมีการรีบาวด์กลับ แล้วก็น่าจะทำให้ตลาดหุ้นเอเชียในเช้าในจันทร์กลับมาฟื้นตัวได้" น.ส.มยุรี กล่าว
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า ตลาดฯน่าจะยังแกว่งตัว Sideway ถึง Sideway up พร้อมให้แนวต้านแรกที่ 860 จุด และถ้าผ่านไปได้ก็มีโอกาสเห็นตรงบริเวณ 850 จุด ส่วนแนวรับแรกที่ 850 จุด แนวรับที่สองที่ 840 จุด แนว
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,580.48 ล้านบาท ปิดที่ 4.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.12บาท
DTAC มูลค่าการซื้อขาย 1,308.75 ล้านบาท ปิดที่ 47.25 บาทเพิ่มขึ้น 2.25 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,183.72 ล้านบาท ปิดที่ 89.00 บาท ลดลง 1.25 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 742.27 ล้านบาท ปิดที่ 436.50 บาท ลดลง 2.25 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 699.23 ล้านบาท ปิดที่ 93.50 บาทเพิ่มขึ้น 1.00 บาท