ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าเศรษฐกิจไตรมาส 2 ขยายตัวต่ำกว่าคาด และหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะชะลอตัว
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 55.93 จุด หรือ 1.1% ปิดที่ 5,258.02 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 2.4% ต่อปี ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อทียบกับจีดีพีไตรมาสแรกที่ผ่านการทบครั้งใหม่ว่าขยายตัว 3.7% และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 2.5% ต่อปี
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะความเสี่ยงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะถดถอยรุนแรงและลุกลามไปยังภาคส่วนอื่นๆ หากสถานการณ์การเงินในต่างประเทศเข้าขั้นวิกฤต
ตัวเลขจีดีพีสหรัฐที่ชะลอตัวลงได้ฉุดหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดร่วง 1.6% หุ้นธนาคาร HSBC ปิดร่วง 1.6% หุ้นบีพี ปิดลบ 1.8% ซึ่งการร่วงลงของหุ้นทั้งสามตัวถือเป็นปัจจัยหลักที่ฉุดดัชนี FTSE 100 ปิดในแดนลบ
หุ้นไชร์ในกลุ่มเวชภัณฑ์ปิดร่วง 2.4% หลังจากนักวิเคราะห์ของเบิร์นสเตน ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไชร์ลงสู่ระดับ "market perform" จากระดับ "outperform"