ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 208.44 จุด ขานรับภาคอุตสาหกรรมสหรัฐขยายตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 3, 2010 06:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่ยังคงขยายตัวในเดือนก.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตที่สดใสของจีนและยุโรป รวมทั้งผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ และเอชเอสบีซี ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 208.44 จุด หรือ 1.99% ปิดที่ 10,674.38 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 24.26 จุด หรือ 2.20% ปิดที่ 1,125.86 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 40.66 จุด หรือ 1.80% ปิดที่ 2,295.36 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 7.63 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 11 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกแต่แนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.ของสหรัฐ ขยายตัวที่ระดับ 55.5 จุด ซึ่งแม้ว่าน้อยลงเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 56.2 จุด และทำสถิติขยายตัวน้อยลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 แต่ยังมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ ดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว

นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี ISM ภาคการผลิตของสหรัฐจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี้ เนื่องจากบริษัทอุตสาหกรรมหลายแห่ง รวมถึงเท็กซัส อินสตรูเมนท์ และอินเทล คอร์ป มีผลประกอบการที่ดี และบริษัทบางแห่งได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการ รวมถึงบริษัท ดูปองท์ โค

ขณะที่สมาพันธ์โลจิสติกและการจัดซื้อแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนอยู่ที่ระดับ 51.2 จุด ในเดือนก.ค. ซึ่งแม้ว่าลดลง 0.9% เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.แต่ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงมีการขยายตัว และนับเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกันที่ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 จุด

นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ภาคการผลิตของ 16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรขยายตัวขึ้นในเดือนก.ค. ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปมีการรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเช่นกัน

หุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นหลังจาก เอชเอสบีซี ธนาคารรายใหญ่สุดของอังกฤษ รายงานผลกำไรก่อนหักภาษีในช่วงหกเดือนแรกของปี 2553 อยู่ที่ 1.11 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตัวเลขหนี้เสียที่ลดลง ขณะที่ธนาคารบีเอ็นพี พารีบาส์ เผยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 31% แตะ 2.1 พันล้านยูโร (2.7 พันล้านดอลลาร์) ในไตรมาส 2 เทียบเนื่องจากธุรกิจการธนาคารเพื่อรายย่อย (retail banking) ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในฝรั่งเศสและเบเนลักซ์ช่วยชดเชยรายได้ที่ลดลงในส่วนของธุรกิจวาณิชธนกิจ

ทั้งนี้ หุ้นเอชเอสบีซีปิดพุ่ง 5.2% หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ปิดบวก 2.9% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปิดพุ่ง 3.4%

ส่วนหุ้นอุตสาหกรรมและผู้ผลิตวัตถุดิบปิดบวกขานรับดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐ โดยหุ้น 3M ปิดพุ่ง 2.2% และหุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ปิดบวก 29 เซนต์ แตะที่ 16.41 ดอลลาร์

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นขานรับการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันและการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจที่ขยายตัวแข็งแกร่งจะช่วยหนุนดีมานด์พลังงานพุ่งขึ้นด้วย โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล ปิดบวก 3.8% หุ้นเชฟรอน คอร์ป ปิดพุ่ง 2.1%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนมิ.ย. และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมิ.ย. วันพุธ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการและดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจเดือนก.ค. ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ