ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารเอชเอสบีซี และข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐและยุโรปยังคงขยายตัวได้ดีในเดือนก.ค.
ดัชนี FTSE 100 ทะยานขึ้น 139.09 จุด หรือ 2.65% ปิดที่ 5,397.11 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,258.02 - 5,401.69 จุด
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.ของสหรัฐ ขยายตัวที่ระดับ 55.5 จุด ซึ่งแม้ว่าน้อยลงเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 56.2 จุด และทำสถิติขยายตัวน้อยลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 แต่ยังมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 54.1 จุด โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี ISM ภาคการผลิตของสหรัฐจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี้ เนื่องจากบริษัทอุตสาหกรรมหลายแห่ง รวมถึงเท็กซัส อินสตรูเมนท์ และอินเทล คอร์ป มีผลประกอบการที่ดี และบริษัทบางแห่งได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการ รวมถึงบริษัท ดูปองท์ โค
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ภาคการผลิตของ 16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรขยายตัว 56.7 จุดในเดือนก.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประมาณการไว้ว่าขยายตัวเพียง 56.5 จุด บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของยุโรปยังคงขยายตัวแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจาก เอชเอสบีซี ธนาคารรายใหญ่สุดของอังกฤษ รายงานผลกำไรก่อนหักภาษีในช่วงหกเดือนแรกของปี 2553 อยู่ที่ 1.11 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตัวเลขหนี้เสียที่ลดลง
เอชเอสบีซีระบุว่า เนื่องจากสภาวะแวดล้อมที่ดีขึ้นในภาคการธนาคาร ทำให้การตั้งสำรองหนี้เสียลดลงเหลือ 7.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินเมื่อปี 2551 โดยเอชเอสบีซีสามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตการเงินครั้งรุนแรงมาได้โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือโดยตรงจากรัฐบาลดังเช่นธนาคารใหญ่รายอื่นอย่าง อาร์บีเอส และ ลอยด์ส แบงกิง กรุ๊ป
หุ้นธนาคารเอชเอสบีซี ปิดพุ่ง 5.3% หุ้นลอยด์ แบงกิง กรุ๊ป ปิดบวก 4.6% และหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ปิดบวก 3.4%
หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดบวก 4.3% หุ้นริโอทินโต ปิดบวก 4.4% หลังจากราคาแร่นิกเกิล ตะกั่ว สังกะสี และดีบุก ในตลาด LME ที่ลอนดอน ทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้