โบรกเกอร์เห็นพ้องแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.น้ำมันพืชไทย(TVO)มองแนวโน้มผลประกอบการ 2H53 เติบโต หลังปริมาณขายเพิ่มขึ้น และกำลังการผลิตโรงงานใหม่แห่งที่ 4 เพิ่มผลผลิตรวมเป็น 6,000 ตันถั่วเหลือง/วัน รวมทั้งราคาถั่วเหลือง H2/53 มีแต่เพิ่มขึ้นหรืออย่างน้อยทรงตัว ขณะเดียวกันเป็นหุ้นที่ปันผลดี 8% ต่อปี และอัตราการจ่าย 2 ครั้ง/ปี
ทั้งนี้ ประมาณการกำไรสุทธิปี 53 ในช่วง 1,609-1,859 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อน และในปี 54 กำไรเติบโตรับผลโรงงาน 4 ผลิตเต็มที่ทั้งปี
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.เอเชียพลัส ซื้อ 26.43 บล.ซิกโก้ ซื้อ 23.50 บล.บล.คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อ 23.86 บล.บล.ฟิลลิป ซื้อเก็งกำไร 23.00 บล.กิมเอ็ง ซื้อเก็งกำไร 23.00(ปี 54)
นางสาวนารี อภิเศวตกานต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น TVO เป็นหุ้นที่ตลาดชอบ เนื่องจากมีอัตราการจ่ายปันผล 8% ต่อปีและจ่าย 2 ครั้ง/ปี ทำให้หุ้นตัวนี้น่าสนใจ อีกทั้งแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 53 คาดว่าดีขึ้น
แม้ช่วงสั้นแนะแค่"ซื้อเก็งกำไร"ด้วยผลงานไตรมาส 2/53 กำไรสุทธิ 355 ล้านบาท ลดลง 35% เทียบ YoY แต่หากเทียบ QoQ พบว่าเพิ่มขึ้น 31% เนื่องจากอัตรา margin ดีขึ้น นอกจากนี้ ราคาหุ้น TVO ถือว่ายังปรับไม่มากเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มเดียวกันอย่าง CPF TUF GFPT ที่ราคาพุ่งขึ้นไป 100% แล้ว จึงยังมีช่องให้สามารถลงทุนได้
ที่สำคัญบริษัทมีโรงงานแห่งใหม่ที่เริ่มผลิตตั้งแต่ เม.ย.เข้ามาสนับสนุนการเติบโตในอนาคตอย่างมีนัย โดยเฉพาะปี 54 ทั้งในแง่ของกำลังการผลิตที่มากขึ้น และการประหยัดต้นทุนลงจากโรงงานเดิม อีกทั้งได้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากบีโอไอ รวมถึงนโยบายการขายในเชิงรุกมากขึ้นทั้งกลุ่มกากถั่วเหลืองและน้ำมัน จะช่วยให้ปริมาณขายโดยรวมเพิ่มขึ้น
จากปัจจัยดังกล่าวจึงได้ปรับประมาณการยอดขาย TVO ในปี 52 เพิ่มเป็น 28,347 ล้านบาท เติบโต 19% เทียบ YoY ภายใต้สมมติฐานปริมาณขายเพิ่มขึ้น 14% ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 6% เทียบ YoY และต้นทุนการผลิตลดลงส่งผลให้อัตรากำไรดีขึ้น โดยประมาณการกำไรสุทธิ 1,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เทียบ YoY
และจากมุมมองที่ดีขึ้นทั้งจากผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจากโรงงานใหม่ต่อเนื่องไปยังปี 54 ให้กำลังการผลิตใหม่เข้ามา อีกทั้งผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกที่ดี จึงคาดหมายเงินปันผลราว 0.60 บาท/หุ้น ดังนั้น จึงเพิ่มคำแนะนำจาก“ถือ"เป็น“ซื้อเก็งกำไร" ราคาเหมาะสมปี 54 เพิ่มเป็น 23 บาท จาก 18.30 บาทในปี 53 อิงบน P/E 10 เท่า แต่ก็มองราคาผลผลิตถั่วเหลืองตลาดโลกที่คาดว่าในปีหน้าปีหน้าจะลดลง 2.7% เทียบ YoY จากการหันไปปลูกพืชอื่นแทน และปีนี้มีการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกและ yield ดีมากกว่าคาด
นางสาวดาวดี ธีรอภิศักดิ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า หลังจากได้พูดคุยกับผู้บริหารแล้วได้ประเมินว่า TVO จะมีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/53 ที่ 368 ล้านบาท โต 36% qoq อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10.9% จาก 10.3% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบและดอกเบี้ยจ่ายลดลง รวมทั้งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนราว 13 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมรายการนี้จะมีกำไรปกติที่ 355 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% qoq ดังนั้นคาดว่าบริษัทฯจะมีกำไรสุทธิงวดครึ่งปีแรกที่ 639 ล้านบาท
จากผลดำเนินงานไตรมาส 2/53 ที่ดีเรามองว่า TVO จะประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีแรกที่ 0.60 บาท หรือคิดเป็น 2.8% ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน และคาดเงินปันผลจ่ายทั้งปีที่ 1.73 บาท หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนที่สูงถึง 8.1%
ขณะที่แนวโน้มครึ่งปีหลังคาดยอดขายจะเพิ่มขึ้นราว 31% จากครึ่งปีแรก จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นตามกำลังการสกัดถั่วเหลืองที่เพิ่มขึ้นจาก 4,000 ตัน/วัน เป็น 5,000-6,000 ตัน/วัน ตั้งแต่เดือน พ.ค.53 รวมทั้งบริษัทตั้งเป้าขยายส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันถั่วเหลืองในประเทศเป็น 81.2% จาก 72.4% ในปี 52 และกากถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นเป็น 29.8% จาก 24.5% ในปี 52
ดังนั้น เรามีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 53 และ 54 ขึ้นเป็น 1,740 ล้านบาท และ 1,851 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่รายได้ทั้งปี 53 ก็จะเติบโตด้วยเช่นกัน คาดหมายไว้ที่ประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป แนะ“ซื้อลงทุน"หุ้น TVO ในจังหวะที่ราคาหุ้นอ่อนตัวลง จากแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการช่วง 2H53 ที่นอกเหนือจากปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นจากโรงงานใหม่แล้ว TVO ยังจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกที่มีโอกาสจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันได้อีก หลังจากทางกระทรวงเกษตรของสหรัฐคาดหมายปริมาณผลผลิตถั่วเหลืองฤดูกาลผลิต 53/54 จะลดลงจากปี 52/53 เล็กน้อยประมาณ 3% เนื่องจากเกษตรกรหันไปปลูกพืชชนิดอื่นเพิ่มขึ้น
ในแง่ของความต้องการนำเข้าถั่วเหลืองจากประเทศจีนยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และส่งผลดีต่อผลประกอบการโดยรวมของ TVO ในปี 53 ยังคงขยายตัวได้ตามที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ โดยยังคงคาดรายได้ในปี 53 ที่ 24,126 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7%YoY แต่เนื่องจากกำไรขั้นต้นในช่วง 1H53 อยู่ที่เพียง 9.3% จึงปรับกำไรขั้นต้นในปี 53 ลงเหลือ 10.9% จากที่คาดไว้เดิม 11.4% และทำให้ได้กำไรสุทธิใหม่ที่ 1,609 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1%YoY
นอกจากนี้ โรงงานแห่งที่ 4 ของ TVO ที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 2,000 ตันเมล็ดถั่วเหลือง/วัน ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีการเดินเครื่องผลิตแล้ว และมีการใช้อัตรากำลังผลิตอยู่ที่ระดับ 1,800 ตันฯ/วัน ด้วยเทคโนโลยีโรงงานใหม่จะช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้ประมาณ 80 ล้านบาท/ปี รวมถึงยังทำให้ TVO สามารถขายกากถั่วเหลืองได้เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองที่ได้รับเพิ่มขึ้นจะเน้นการเจาะตลาดในประเทศแถบอาเซียนเนื่องจากมีข้อตกลง FTA ที่จะทำให้ภาษีนำเข้าของแต่ละประเทศต้องปรับลดลง โดยล่าสุดมีการเจรจาการขายน้ำมันถั่วเหลืองไปยังประเทศอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเพื่อสะท้อนถึงราคาเม็ดถั่วเหลืองในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และการเดินหน้าเครื่องจักรใหม่ จนทำให้มีส่วนต่างกับมูลค่าเหมาะสมในปี 53 ที่เราคาดไว้ที่ 23.86 บาท (PER 12X) เพียง 12% แต่คาดว่า TVO จะจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการในช่วง 1H53 จำนวน 0.56 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ประมาณ 2.6% (แต่รวมทั้งปีเราคาดว่าจะจ่าย 1.63 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ประมาณ 7.6%)