นายพีท ริมชลา กรรมการผู้จัดการ บมจ.แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่(HTECH) กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจของบริษัทช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าอัตราการเติบโตของยอดขายน่าจะขยายตัวต่อเนื่องได้จากช่วงครึ่งปีแรก โดยประเมินว่ายอดขายน่าจะเติบโตได้อีกประมาณ 10% เนื่องจากลูกค้าทั้งในส่วนของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วน HARD DISK DRIVE (HDD) และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์มีการขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว
ดังนั้น จึงเชื่อว่าน่าจะผลักดันให้ยอดขายในปีนี้เติบโตอยู่ที่ประมาณ 350 ล้านบาท ส่วนของอัตรากำไรสุทธิน่าจะยังคงเติบโตตามเป้าที่ได้ตั้งไว้คือไม่ต่ำกว่า 26%
ล่าสุด บริษัทจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุน คือ Halcyon Philippines Co.Ltd.(HP)เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องมือตัด(Cutting Tools) ที่เป็น PCD,CBN,Carbide และ natural diamond รวมถึง Jig&Fixture และชิ้นส่วนเครื่องจักรต่างๆ โดยคาดว่าน่าจะจดทะเบียนแล้วเสร็จได้ภายในเดือน ส.ค.และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือน ธ.ค.
บริษัท Halcyon Philippines Co.Ltd.(HP) มีทุนจดทะเบียน 100,000,000 บาท ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง HTECH โดยถือหุ้นในสัดส่วน 65,000,000 หุ้น หรือ 65% และกลุ่มทุนจากสิงคโปร์และฟิลิปปินส์ โดยถือหุ้นในสัดส่วน 35,000,000 หุ้น หรือ 35%
วัตถุประสงค์ของการร่วมลงทุนในครั้งนี้ เพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตและขยายตลาดเครื่องมือตัด(Cutting Tools)ไปยังลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศฟิลิปปินส์ จีน และไต้หวัน ซึ่งบริษัท Halcyon Philippines หรือ HP ถือเป็นผู้ผลิตกลุ่มเครื่องมือตัดที่ทำจากเพชรสังเคราะห์(PCD) รายแรกในประเทศ โดยที่ผ่านมาประเทศฟิลิปปินส์ได้นำเข้า PCD 100% ส่วนประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ คือ เกื้อหนุนให้ HTECH สามารถขยายฐานลูกค้าเครื่องมือตัดไปยังอุตสาหกรรมในต่างประเทศได้มากขึ้น รวมถึงสามารถใช้กำลังการผลิตสำหรับลูกค้าในประเทศได้มากขึ้น และได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลในบริษัทร่วมทุน
"HP จะมีฐานะเป็นบริษัทย่อยโดยตรงของ HTECH ซึ่งผู้ร่วมทุนรายใหม่นี้เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางการตลาดในส่วนของ Cutting tool มานานในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วน HARD DISK DRIVE (HDD) และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งน่าจะช่วยสนับสนุนให้ HTECH สามารถขยายฐานลูกค้าเครื่องมือตัดไปยังอุตสาหกรรมในต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น และสามารถขยายกำลังการผลิตได้มากขึ้น โดยครอบคลุมตลาดในประเทศ ฟิลิปปินส์ จีน และไต้หวัน"นายพีทกล่าว
นายพีท คาดว่า โรงงานผลิตในฟิลิปปินส์จะเปิดเดินเครื่องผลิตได้ต้นเดือนธันวาคมปีนี้ ซึ่งจะทำรายได้อยู่ที่ 100-120 ล้านบาท ในปี 54 ซึ่งเป็นปีแรก และจะเข้ามาสนับสนุนยอดขายรวมของบริษัทในปี 54 เพิ่มขึ้นเป็นเกิน 400 ล้านบาท โดยบริษัทจะรับรู้รายได้จาก HP ตามสัดส่วนที่ถือหุ้น 65% แต่ในส่วนของอัตรากำไรสุทธิบริษัทพยายามจะรักษาที่ 26% เท่ากับปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสในการไปลงทุนต่างประเทศอื่นๆ อีกซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งหากจะไปลงทุนต่างประเทศอีกก็ยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน เพราะบริษัทยังมี DE ต่ำแค่ 0.31 เท่า และดอกเบี้ยก็ยังถูกสามารถกู้แบงก์ได้
"ต้องรักษาสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงระบบการเงินต้องเฮลตี้ก่อน และเราก็ยังกู้แบงก์ได้"นายพีท กล่าว
สำหรับยอดขายในไตรมาส 3/53 น่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 2/53 แต่ไตรมาส 4/53 คาดว่ายอดขายจะสูงสุดตามเทรนของธุรกิจ ทำให้คาดว่ายอดขายในครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตจากครึ่งปีแรก 10% ได้โดยไม่ต้องเพิ่มเครื่องจักรใหม่ เนื่องจากความต้องการ HDD ที่เพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายมาจาก HDD 80% ชิ้นส่วนรถยนต์ 20%