ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 38 จุด หลังการใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐอ่อนแอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 4, 2010 06:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค และดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่ร่วงลงอย่างหนักในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังต่อรายงานผลประกอบการของบริษัท พร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี) และดาว เคมิคัล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 38.00 จุด หรือ 0.36% แตะที่ 10,636.38 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 5.40 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 1,120.46 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 11.84 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 2,283.52 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 7.25 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอาจเป็นไปอย่างล่าช้า โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ทรงตัว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% ขณะที่อัตราการออมส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.4% ของรายได้หลังหักภาษี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี โดยตัวเลขการใช้จ่ายที่ชะลอตัวลงในขณะที่อัตราการออมพุ่งขึ้นเช่นนี้ ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างล่าช้า

นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคจะชลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังคงซบเซา และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง โดยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ปี 2553 ของสหรัฐ ขยายตัวในอัตรา 2.4% ต่อปี ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อทียบกับจีดีพีไตรมาสแรกที่ผ่านการทบครั้งใหม่ว่าขยายตัว 3.7% และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 2.5% ต่อปี

อย่างไรก็ตาม เบน เบอรนันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวปาฐกถาในที่ประชุมนักธุรกิจที่เมืองชาล์สตัน รัฐนอร์ธแคโรไลนา เมื่อวานนี้ว่า อัตราค่าแรงที่สูงขึ้นจะช่วยกระตุ้นตัวเลขการใช้ผู้บริโภคให้ฟื้นตัวขึ้นในอีก 2 - 3 ไตรมาสข้างหน้า แม้ตัวเลขจ้างงานที่อ่อนตัวลงจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคถดถอยลงไปด้วยก็ตาม

"ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบนั้น ดีมานด์จากภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ฟื้นตัวขึ้นก็จะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืน และทางการสหรัฐยังคงใช้นโยบายการเงินที่แข็งแกร่งเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัว" เบอร์นันเก้กล่าว

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมิ.ย. ร่วงลง 2.6% มาอยู่ที่ระดับ 75.7 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2544 ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ยอดการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในภาคเอกชนร่วงลง 0.6% จากเดือนพ.ค.มาอยู่ที่ 5.276 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยยอดการก่อสร้างที่อยู่อาศัยลดลง 0.8% หลังมาตรการลดหย่อนภาษีเงินกู้สำหรับผู้ซื้อบ้านหมดอายุลงในสิ้นเดือนเม.ย. ส่วนการใช้จ่ายสำหรับโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานปรับตัวลดลง 0.5% ในเดือนมิ.ย. ทำสถิติร่วงลง 15 เดือนติดต่อกัน

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการและดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจเดือนก.ค. ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนก.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.ค.จะลดลง 65,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ค.จะอยู่ที่ 9.6% เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 9.5%

หุ้นพีแอนด์จีปิดร่วง 3.4% และหุ้นดาว เคมิคัล ปิดดิ่งลง 10% หลังจากทั้งสองบริษัทรายงานผลประกอบการต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ