บทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ระบุว่า แนะนำการลงทุนในหุ้น " กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ " เนื่องจากมองว่าจะได้รับประโยชน์จากกรณีบริษัทแม่ โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น อยู่ระหว่างการตัดสินใจขยายบทบาทให้ไทยเป็นฐานในการผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกทั่วโลก หากมีการตัดสินใจในเรื่องนี้แล้ว จะต้องขยายกำลังการผลิตและเพิ่มการลงทุนใหม่ สำหรับผลิตรถปิกอัพและรถยนต์นั่ง คาดต้องใช้เวลาในการศึกษาและสรุปผลประมาณ 1 ปี
ทั้งนี้ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ปรับเป้าหมายยอดขายรถยนต์รวมของโตโยต้าปีนี้จาก 2.5 แสนคัน เพิ่มเป็น 3 แสนคัน โดยเชื่อว่ายอดขายรถยนต์รวมทั้งอุตสาหกรรมในปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 7.5 แสนคัน หรือเติบโตขึ้น 37% YoY ยังคงแนะนำ “ซื้อ" SAT ราคาเหมาะสม 27.60 บาท และ STANLY ราคาเหมาะสม 183.00 บาท โดยประเมินว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโตจะเป็นปัจจัยผลักดันผลการดำเนินงานของบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ให้เติบโตโดดเด่น
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ตัวเลขการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ประกาศออกมาในปี 53 ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันยังมีทิศทางบวกอย่างต่อเนื่อง สร้างความเชื่อมั่นให้เรามากขึ้นว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปีนี้จะเติบโตกว่า 40-60% ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศ รวมทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้ เราคาดว่าผลประกอบการในปี 53 ของบริษัทในกลุ่มยานยนต์จะฟื้นตัวขึ้นเกือบทุกบริษัท รวมทั้งปริมาณการผลิตรถยนต์ที่ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1.56 ล้านคันจากเดิม 1.4 ล้านบาท
สำหรับหุ้นในกลุ่มยานยนต์ที่แนะนำลงทุน ได้แก่ SAT โดยให้ราคาเป้าหมาย 24.40 บาท เพราะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมมาก ประกอบกับการที่เป็นผู้ผลิตเพลาข้างรายใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย จึงได้รับผลบวกไปเต็ม ๆ
ขณะที่ STANLY ก็เป็นอีกตัวที่ได้รับผลประโยชน์ และเป็นหุ้น Top Pick ที่เราติดตามข้อมูล โดยมีความเด่นจากความแข็งแกร่งทางด้านฐานะทางการเงินและเป็นผู้ครองส่วนแบ่งตลาดไฟส่องสว่างยานยนต์ในประเทศไทยกว่า 70% ประเมินราคาเหมาะสมปี 53 ที่ 192 บาท