นายพุทธชาติ รังคสิริ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชัน(TWZ)คาดว่า รายได้และกำไรไตรมาส 2/53 เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะในแง่ของรายได้เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย แม้ว่าจะเป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง และเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดีนัก แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบกับบริษัทมาก เพราะร้านค้าปลีกของบริษัทแค่บางสาขาเท่านั้นที่อยู่ในพื้นที่ที่เกิดความไม่สงบ แต่ภาพรวมธุรกิจค้าส่งและธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะในต่างจังหวัดหรือนอกเขตตัวเมืองถือว่ายังขายได้ตามปกติ
“ผลไตรมาส 2 ก็คงเร็วๆนี้ วันที่ 10 ส.ค.นี้ก็น่าจะเรียบร้อย กำไร-รายได้คิดว่าคงจะอยู่ในเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่มีนัยอะไรมาก ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีช่วงที่ผ่านมาก็ส่งผลในเรื่องของค้าปลีกแค่บางสาขาเท่านั้น ในส่วนของธุรกิจค้าส่งหรือธุรกิจค้าปลีกในต่างจังหวัดหรือนอกเขตที่ได้รับผลกระทบก็ยังขายได้ ก็คิดว่าในไตรมาส 2 ไม่ส่งผลในทางลบ ไม่มีผลทางลบมากนัก ยอดขายก็น่าจะสามารถเป็นไปตามเป้าได้"นายพุทธชาติ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายพุทธชาติ กล่าวว่า บริษัทยังคงคาดการณ์รายได้ทั้งปีไว้ที่ 3,500-4,000 ล้านบาท รายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจโทรมือถือและจะมีการรับรู้รายได้เสริมจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โครงการอาคารพาณิชย์และอาคารสำนักงานย่านรัชดาภิเษก เข้ามาในช่วงไตรมาส 3/53 หรือไม่เกินไตรมาส 4/53 หลังจากคาดว่าจะส่งมอบโครงการได้เกือบทั้งหมดภายในไตรมาส 3/53
สำหรับรายได้ธุรกิจโทรมือถือขณะนี้กว่า 50% มาจากสินค้า House Brand ปัจจุบันบริษัทครองส่วนแบ่งการตลาดยอดขายโทรศัพพท์มือถือ House Brand อยู่ที่ 10-20% ของตลาดรวม
นายพุทธชาติ กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดขึ้นเป็นอันดับ 1 ให้ได้ ช่วงนี้กำลังรอเวลาและความพร้อมในการวางพื้นฐานระบบ Dealer และช่องทางการจัดจำหน่ายต่าง ๆ ให้แข็งแรงก่อน เพราะหากขยายตัวเร็วเกินไปอาจส่งผลในเรื่องของบริการหลังการขาย รวมถึงไม่สามารถควบคุมราคาจัดจำหน่ายได้ อาจทำให้เกิดการเสียหายในระยะยาว รวมถึงยังต้องพัฒนาคุณภาพของสินค้าและต้นทุนสินค้าให้ดีก่อน
"ตลาด House Brand มีการแข่งขันสูง แต่ราคาเฉลี่ยก็ลงมานิดหน่อยก็ยังทำให้ผู้บริโภคยังมีความต้องการอยู่ ในช่วงที่ผ่านมาหรือช่วงฟุตบอลโลกมือถือที่ดูหนังดูทีวีได้ก็ขายค่อนข้างดี ถ้าเทียบสัดส่วนรายได้มือถือทั้งบริษัท House Brand ถือว่ามากสุด ตอนนี้ก็กว่าครึ่ง มากกว่า Global Brand ที่เราทำอยู่ ตอนนี้ทั้งตลาด House Brand อยู่ประมาณ 40-50% เกือบครึ่งหนึ่งของตลาดรวม และแนวโน้มน่าจะไปได้อีก มากกว่า Global Brand ถ้ามองในเรื่องจำนวนยูนิตน่าจะมากกว่าแล้ว แต่ว่า House Brand ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยน้อยกว่า ก็ทำให้ถ้ามองดูตัวมูลค่าแล้ว House Brand อาจมีมูลค่าไม่ถึงครึ่งหนึ่งของตลาดรวมในอุตสาหกรรม แต่ถ้าจำนวนยูนิตแล้วคิดว่าแซงเกินครึ่งแน่ๆ" นายพุทธชาติ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีสินค้า House Brand ทั้งหมด 3 แบรนด์ ได้แก่ TWZ, NOKTEL และ G'FIVE ซึ่งไม่ได้แย่งตลาดกันเอง เนื่องจากวางตำแหน่งการตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายแตกต่างกัน NOKTEL เป็นตลาดของลูกค้ามีความต้องการแบบ Fighting Brand เอาไว้สู้กับ Global Brand ส่วน G'FIVE เน้นการขายส่งในประเทศและส่งออก ไม่ได้เน้นเรื่องการขายปลีก ส่วนแบรนด์ TWZ ก็จะจับตลาดล่าง
*ครึ่งปีหลังดันสินค้าใหม่ มี 3G ช่วยปูทาง
นายพุทธชาติ เปิดเผยว่า แผนงานในครึ่งปีหลังยังคงเน้นในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพของสินค้าและพนักงานให้ดีขึ้น มีการควบคุมในเรื่องของต้นทุนในการผลิต และร่วมมือกับโรงงานผู้ผลิตในการพัฒนาซอฟต์แวร์ต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น หลังจากที่ได้มีการพัฒนามาระยะเวลาหนึ่งก็ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากโรงงานผู้ผลิตเป็นอย่างดี ทำให้มีสินค้าใหม่ๆ ที่มีคุณภาพและมีความหลากหลายออกมามากขึ้น
พร้อมกันนั้น บริษัทยังได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเข้ามาของระบบ 3G เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าการเข้ามาของระบบ 3G จะส่งผลดีกับบริษัทเนื่องจากจะทำให้มีช่องทางในการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น
“หลังจากที่ 3G เปิดแล้วน่าจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น ทางเราก็ได้มีการเตรียมพร้อมรองรับ 3G แล้ว ยังมีตัว Handset พร้อมแล้วเพียงแต่ว่าเรารอเรื่อง Network ว่าจะพร้อมใช้งานและมีปริมาณการใช้งานเพียงพอ เครื่องก็จะสั่งเข้ามาทันที
ตอนนี้ก็มีการพัฒนาเรื่อง Software เรื่องตัว Product ไปเกือบเสร็จสิ้นหมดแล้ว เพียงแต่ว่าเหลือแค่รอสั่งผลิตเท่านั้นเอง ถ้า Network พร้อมเมื่อไหร่เราก็คงจะมีโอกาสมีเครื่อวงรุ่นใหม่ๆ ราคาสูงขึ้น สามารถทำกำไรต่อหน่วยได้เพิ่มขึ้น จำนวนเครื่องที่เป็น Hi-end ตัวแพงๆก็จะขายดีขึ้น และก็จะเป็นการกระตุ้นตลาดในภาพรวมอุตสาหกรรมให้เติบโตขึ้น ซึ่งทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของ Network จะมีผลตรงนี้" นายพุทธชาติ กล่าว
ขณะนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจโทรคมนาคมอื่นๆ เพื่อเป็นการขยายธุรกิจและหาผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาเสริมตลาด แต่ในตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนแผนการขยายตลาดต่างประเทศตอนนี้ชะลอออกไปก่อน เนื่องจากการแข่งขันค่อนข้างสูงและภาวะเศรษฐกิจยังไม่ได้ดีขึ้นมาก กำลังรอจังหวะที่เหมาะสมอยู่ ในการขยายสาขาในประเทศตอนนี้ยังไม่มี แต่จะเน้นการเพิ่มจุดบริการในต่างจังหวัดเพื่อความสะดวกในการใช้บริการของลูกค้ามากกว่า
นายพุทธชาติ กล่าวถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่า ขณะนี้กำลังพิจารณามีการขยายธุรกิจในอนาคต แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ เนื่องจากต้องการส่งมอบโครงการเก่าให้เสร็จเรียบร้อยก่อน และต้องการรอดูภาวะเศรษฐกิจว่าจะรองรับได้มากน้อยแค่ไหน
“ธุรกิจอสังหาฯตอนนี้ก็มีมองๆไว้อยู่ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ อยากจะส่งมองตัวโครงการเก่าให้เสร็จเรียบร้อยก่อนและก็ดูว่ามีความเป็นไปได้ ภาวะเศรษฐกิจรองรับแค่ไหน เพราะว่าตัวอสังหาฯขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างเยอะ มันไม่ใช่เป็น Mass ไม่ได้เป็น Consumer Product คือขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นโทรศัพท์มือถือ มันมี Demand ตลาดอยู่แล้ว เป็น Consumer Product ขอให้มันมีราคาได้ สเป็กได้ คุณภาพได้ มันก็สามารถเพิ่มยอดขายได้ทันที"นายพุทธชาติ กล่าว