นางพิศมัย สายบัว ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.เอสวีไอ(SVI)เปิดเผย"อินโฟเควสท์"ว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/53 ทั้งรายได้และกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/53 โดยรายได้ในรูปดอลลาร์สหรัฐจะเพิ่มขึ้นราว 4% จากไตรมาส 1/53 ที่มีรายได้ 55 ล้านเหรียญสหรัฐ
SVI และบริษัทย่อยไตรมาส 1/53 มีกำไรสุทธิ 173.32 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.10 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 152.67 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.10 บาท
นางพิศมัย กล่าวว่า คำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)ในช่วงที่ผ่านมาเติบโตตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ และบริษัทเริ่มส่งสินค้าให้กับลูกค้ารายใหม่ในยุโรป 2-3 รายที่ได้รับออร์เดอร์มาตั้งแต่ต้นปีแต่ไม่สามารถทำได้ เพราะมีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ แต่ขณะนี้ปัญหาดังกล่าวได้หมดไปแล้ว นอกจากนั้น ยังมีออเดอร์จากลูกค้าเดิมที่เข้ามาเพิ่มด้วย โดยออร์เดอร์ลูกค้าทั้งรายใหม่และรายเดิมที่เพิ่มขึ้นนั้นคาดว่าจะทยอยผลิตและส่งมอบให้กับลูกค้าในช่วงครึ่งหลังปีนี้ต่อเนื่องปีหน้า
จากปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่าทั้งปี 53 รายได้ของบริษัทในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐจะเติบโตตามเป้าหมาย 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 190 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้ในช่วงครึ่งปีหลังจะต้องเร่งยอดขายให้มากกว่าครึ่งแรกที่ผ่านมา ซึ่งก็น่าจะทำได้ไม่ยาก เพราะนอกจากออร์เดอร์ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้ว บริษัทยังจะมีกำลังผลิตเพิ่มเข้ามาจากโรงงานแห่งที่ 3 ในประเทศไทย เป็นส่วนช่วยในการผลักดันด้วยการรองรับออเดอร์มากขึ้น คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จและเดินเครื่องเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงกลางไตรมาส 3/53
ขณะที่กำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะเติบโตตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่ต้องรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน อาจจะทำให้อัตราการเติบโตน้อยกว่ารายได้ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังเชื่อว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17 ล้านเหรียญสหรัฐ เพราะบริษัทมีการบริหารสินค้าคงคลังให้มีระยะเวลาสั้นลงเพื่อไม่ให้มีต้นทุนสูงก็ช่วยได้อีกระดับ
"ตอนนี้เราสามารถจัดการกับปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบได้แล้วด้วยการซื้อที่จีนและไต้หวัน นอกเหนือประเทศอื่น ซึ่งไต้หวันเรามีการตั้งตัวแทนในการซื้อวัตถุดิบให้เราโดยตรง แม้ตอนนี้จะมีทรัพยากรไม่มากก็ตาม รวมทั้งการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลียนเราก็ focus มากขึ้นน่าจะ save ได้ประมาณ 3% แม้ตอนนี้จะยังไม่ได้ระดับนั้นแต่ก็ดีกว่าไม่ทำ ไม่งั้นต้นทุนก็จะสูงขึ้นกว่านี้"นางพิศมัย กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีโรงงาน 4 โรง ประกอบด้วยโรงงานในประเทศ 3 โรง นับรวมโรงงานแห่งใหม่ และในประเทศจีน 1 โรง ซึ่งคงยังไม่เห็นการเพิ่มโรงงานแห่งใหม่อีกในเร็ว ๆ นี้ เพราะโรงงานแห่งที่ 3 สามารถรองรับการผลิตไปได้อีก 4-5 ปี และมีขนาดใหญ่ถึง 20,000 ตารางเมตร หากจะลงทุนเพิ่มอาจจะเป็นการสร้างคลังสินค้า
นางพิศมัย กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายใช้งบลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท สูงกว่าปีนี้ที่ใช้งบลงทุน 90 ล้านบาท เม็ดเงินส่วนใหญ่นำมาจากเงินทุนของบริษัท โดยใช้ซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่ม 3 ตัวในโรงงานใหม่ การปรับปรุงพื้นที่และการซื้อเครื่องจักรใหม่ทดแทนตัวเดิม และยังมีการเพิ่มคนงานเพิ่มอีก 500 คนจากที่มี 2,500 คน เพื่อรองรับออเดอร์มากขึ้นด้วย
ราคาหุ้น SVI เช้านี้บวก 2.07% มาที่ 2.96 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท เมื่อเวลา 10.37 น.โดยเปิดตลาดที่ราคา 2.90 บาท ปรับตัวสูงสุดที่ 3.06 บาท และ ต่ำสุดที่ 2.90 บาท