(เพิ่มเติม) BCP คาด H2/53 ค่าการกลั่นใกล้ H1/53,มีแผนลงทุน 2.3 หมื่นลบ.ภายใน 5 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 5, 2010 14:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP)คาดว่า รายได้ในครึ่งปีหลังนี้จะสูงกว่าครึ่งปีแรก เพราะราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่เฉลี่ย 77-78 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ประกอบกับ คาดว่าในไตรมาส 4/53 จะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน คาดว่าจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีนี้ค่าการกลั่นจะเฉลี่ยอยู่ประมาณ 5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ประมาณ 5.7-5.8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

"ถ้าราคาน้ำมันเฉลี่ยในช่วงครึ่งปีหลังยังอยู่ในระดับนี้จะส่งผลดีต่อผลประกอบการ เนื่องจากจะส่งผลต่อมาร์จิ้นของค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น บริษัทพยายามรักษาระดับค่าการกลั่นที่ 5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล รวมทั้งรักษาระดับค่าการตลาดที่ 1.50 บาท ซึ่งเป็นค่าการตลาดในปัจจุบันไว้ได้น่าจะเป็นไปได้ว่าผลประกอบการทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะมั่นใจว่าช่วงที่เหลือของปีจะไม่ขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน หลังไตรมาส 2 ขาดทุนถึง 230 ล้านบาท"นายอนุสรณ์ กล่าว

ส่วนการที่กำไรสุทธิช่วงครึ่งแรกปรับตัวลดลงค่อนข้างมากนั้น บริษัทยังคาดว่าจะดำเนินการจ่ายปันผลระหว่างกาลได้ แต่จะเท่ากับปีก่อนที่ 1 บาทต่อหุ้นหรือไม่นั้น คงเป็นเรื่องยากเพราะการจ่ายปันผลต้องสอดคล้องกับความสามารถในการทำกำไรด้วย

บริษัทมีแผนลงทุนในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า(53-57)เป็นเงิน 2.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในการปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพน้ำมัน(ยูโร 4)จำนวน 2.5 พันล้านบาท โครงการเอทานอลและไบโอดีเซล จำนวน 3 พันล้านบาท งานขยายโครงการโซลาร์เซลล์อีก 88 เมกกะวัตต์ จำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท และการลงทุนในแหล่งโปแตส อีก 2.5 พันล้านบาท

“แผนการลงทุนของบางจาก 5 ปีข้างหน้าถือว่าเม็ดเงินจำนวนมาก ทำให้ต้องมีการจัดหาเงินลงทุนแม้ว่าจะมีกระแสเงินสดหลายพันล้านบาท แต่เราก็จะกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน โดยเฉพาะโครงการเกี่ยวกับพลังงานสะอาดมีทั้ง ADB และสถาบันการเงินในประเทศให้การสนับสนุน คงได้ข้อสรุปเรื่องเงินทันปีนี้"นายอนุสรณ์ กล่าว

สำหรับการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์อีก 88 เมกะวัตต์ ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วกับ กฟภ. โดยได้รับส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้า (แอดเดอร์)อัตรา 8 บาท/หน่วย ทำให้ผลตอบแทนการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 12% ประกอบกับได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ทำให้คาดว่าโครงการนี้จะคืนทุนภายใน 8 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้า คาดว่าจะอยู่ในสระบุรี อยุธยา หรือ ชัยภูมิ

อนึ่ง โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกขนาด 38 เมกะวัตต์ ที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีสัญญาขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ.30 เมกะวัตต์ และ กฟภ. 8 เมกะวัตต์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ