TBSPรับปีนี้รายได้พลาดเป้า,ลงทุนเพิ่มเครื่องจักรรองรับการฟื้นตัวปีหน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 5, 2010 15:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยบริติช ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง(TBSP) คาดว่า กำไรสุทธิปี 53 จะลดลงจากปี 52 เนื่องจากในปีนี้มีการจ่ายเงินชดเชยให้กับพนักงานที่สมัครใจลาออกก่อนเกษียณอายุการทำงาน รวมทั้งรายได้รวมของบริษัทคงจะไม่เติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากไตรมาส 2/53 ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง ทำให้ยอดบัตรเครดิตใหม่ชะลอลง โดยบริษัทมีธนาคารพาณิชย์เป็นลูกค้าหลักในสัดส่วน 60-70%

"กำไรปีนี้จะลดลงจากปีที่แล้วเพราะมีค่าใช้จ่ายเออรี่รีไทร์ แต่ก็จ่ายแค่ครั้งเดียว กำไรครึ่งปีหลังเต็มที่ก็อาจจะดีกว่าครึ่งปีแรกนิดหน่อยแต่ไม่น่าจะมากกว่าปีที่แล้ว เพราะเคลียร์ภายใน ยอดขายไม่ตก cost อื่นไม่ขึ้น ราคาก็โอเค เพียงแต่มีค่าใช้จ่ายอื่น"นายบรรณ กล่าว

เดิมบริษัทตั้งเป้าหมายว่าในปีนี้รายได้จะเติบโต 7-10% มาที่ 1 พันล้านบาท จากปี 52 ที่ทำรายได้ราว 900 ล้านบาท แต่เนื่องจากครึ่งปีแรกมีรายได้เพียง 440 ล้านบาท ทำให้คาดว่าทั้งปีนี้รายได้คงจะไม่โต แต่บริษัทก็จะพยายามทำรายได้ให้ได้ในระดับ 900 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีที่แล้ว

นายบรรณ กล่าวว่า รายได้ไตรมาส 2/53 ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อนเล็กน้อย เพราะการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนชะลอตัว และธนาคารไม่ได้ออกบัตรเครดิตเพิ่ม ทำให้กระทบกับบริษัท แต่ถ้าเทียบกับไตรมาส 1/53 รายได้ใกล้เคียงกันเพราะส่วนอื่นยังเติบโตได้

"ปีนี้คงไม่โต จากที่คิดว่าจะโต 7-10 % เพราะตลาดบัตรเครดิตดอร์บลง ทั้ง ๆ ที่ความจริงต้องโตเพราะมีบอลโลกมีการพิมพ์ไปรษณียบัตร แต่คนใช้เงิน drop ลง โมเมนตัมบัตรเครดิตลดลง แบงก์ไม่อยากออกบัตรเครดิต เราครองตลาด 60% กระทบแน่ แต่ยอดขายไม่ได้ชะลอจากไตรมาส 1 มาก เราก็พยายามหาเซอร์วิสอื่นจากแบงก์มาเพิ่ม"นายบรรณ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าครึ่งปีหลังยอดขายจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ยอดขายก็น่าจะดีขึ้นด้วย เพราะช่วงเดือนแรกของไตรมาส 3/53 ก็เห็นสัญญาณที่ดีขึ้นแล้ว แนวโน้มน่าจะปรับตัวดีขึ้นได้อีก แต่ก็ต้องติดตามหลายปัจจัย และหวังว่าปัญหาความวุ่นวายจากการเมืองคงไม่กลับมาอีก

"ในปีนี้ถือโอกาสปรับโครงสร้างภายใน ทีมขาย ทีมผลิต ลด cost เพิ่ม value ใช้ต้นทุนต้องถูกที่สุด ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มเครื่องจักร ออโตเมชั่น ปีหน้าถ้าเศรษฐกิจมาดีจะได้รองรับได้ โดยปีหน้าคาดว่ารายได้จะไปถึง 1,000 ล้านบาทได้"นายบรรณ กล่าว

ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากงานเกี่ยวกับกระดาษ 40% บัตรพลาสติก 40% และงานอื่นๆ เช่น สแตมป์ 20% โดยปีนี้บริษัทมีรายได้จากการผลิตสแตมป์ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 52 ที่มีรายได้ส่วนนี้ 40-50 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีงานพิมพ์สแตมป์ต่างประเทศมากนัก แต่ปีนี้มีลูกค้าต่างประเทศที่เราผลิตสแตมป์ให้ 11 ประเทศ รวมประเทศไทยด้วย และตั้งเป้าอีก 5 ปีข้างหน้าจะก้าวสู่ 1 ใน 5 ผู้ผลิตแสตมป์รายใหญ่ของโลกในปี 58 ซึ่งจะมีลูกค้าต่างประเทศถึง 20-30 ประเทศ ตอนนี้เราอยู่อันดับ 9-10 ของโลก

นายบรรณ กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ที่ประมาณ 70-80 ล้านบาท ปกติในแต่ละปีจะเตรียมวงเงินลงทุนไว้ราว 100 ล้านบาททุกปี แต่ปี 52 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกไม่ดีจึงใช้งบฯน้อย มาในปีนี้ก็คงจะลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะด้านเทคนิคเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาการผลิต

ทั้งนี้ บริษัทจะขอมติที่ประชุมบอร์ดเพื่อใช้งบลงทุนซื้อเครื่องจักรในไตรมาส 3/53 นี้เพิ่มอีก 15-20 ล้านบาท จากต้นปีใช้ไปแล้ว 15 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีนี้จะใช้เงินลงทุนจริงประมาณ 60 กว่าล้านบาท เพื่อปรับนวัตกรรมเพื่อรองรับการขยายงานไปยังต่างประเทศในปีหน้า น่าจะทำให้มีกำไรดีกว่าปีนี้แน่นอน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ