โบรกเกอร์ต่างเห็นพ้องแนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี(STA)พร้อมปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 และราคาพื้นฐานด้วย หลังจากกำไรสุทธิในไตรมาส 2/53 ออกมาดีเกินคาด และแม้แนวโน้มครึ่งปีหลังจะอ่อนตัวลง แต่ยังคงเห็นว่าทิศทางอุตสาหกรรมยางพาราเติบโตตามอุตสาหกรรมรถยนต์
กอปรกับ บริษัทเตรียมที่จะขายหุ้น PO ในตลาดสิงคโปร์ ซึ่งจะอิงกับราคาหุ้นในไทย ทำให้หุ้น STA มีความน่าสนใจต่อเนื่อง และคาดว่าปีนี้จะมีการจ่ายเงินแปันผลในระดับที่ดี ราว 1.80 บาท/หุ้น
อนึ่ง STA รายงานไตรมาส 2/53 มีกำไรสุทธิ 1,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% QoQ และ เพิ่มขึ้น 302% YoY
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย บล.ไอร่า ซื้อ 30.00 บล.ทรีนิตี้ ซื้อ 25.50 บล.ยูไนเต็ด ซื้อเก็งกำไร 22.90 (เตรียมปรับขึ้น) บล.ฟิลลิป ซื้อ 22.40 (เตรียมปรับขึ้น) บล.โกลเบล็ก ซื้อเก็งกำไร -
นางสาวนารี อภิเศวตกานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า กำลังพิจารณาปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 53 จากที่คาดไว้ 2.9 พันล้านบาท หลังจาก 6 เดือนมีกำไรแล้ว 2.5 พันล้านบาท คิดเป็น 87% ของประการทั้งปี พร้อมกันนั้นจะปรับราคาเป้าหมายปี 53 สูงขึ้นจาก 22.40 บาท เนื่องจากผลงานไตรมาส 2/53 ออกมาดีเกินคาดค่อนข้างมาก
"ราคาพื้นฐานทำไว้ 22.40 บาท แต่กำลัง revise ราคาขึ้นใหม่ และผลประกอบการด้วย และ เราก็จะปรับ P/E ของราคาหุ้นศรีตรังฯขึ้น เพราะว่าการไปจดทะเบียนที่ตลาดหุ้นสิงคโปร์จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้น และเห็นว่าการทำกำไรมีติดต่อกันหลายไตรมาสแล้ว"นางสาวนารี กล่ว
ในครึ่งปีหลังมองว่าผลประกอบการจะอ่อนตัวอยู่แล้วตามราคายาง อย่างไรก็ดี เห็นว่ากระบวนการขายหุ้น PO ในตลาดสิงคโปร์ เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ราคาหุ้น STA ในไทยน่าสนใจ โดยราคา PO จะอิงจากราคาหุ้นในไทยเทียบเคียงกับหุ้นในตลาดสิงคโปร์ได้ที่ P/E 13-15 เท่า ซึ่งปัจจุบัน P/E หุ้นกลุ่มเกษตรขึ้นมาที่ระดับ 10 เท่า ซึ่งการปรับราคาพื้นฐานก็ยังคงอยู่บนสมมติฐานที่ P/E 10 เท่า
ด้านนางวชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ เชื่อว่า ผลกำไรไตรมาส 2/53 ของ STA จะดีที่สุดในรอบปีนี้ ส่วนไตรมาส 3/53 และไตรมาส 4/53 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิไตรมาสละ 400-600 ล้านบาท เนื่องจากว่าเป็นช่วง low season ตามราคายางที่อ่อนตัวลง
อย่างไรก็ตาม แนะ"ซื้อ"หุ้น STA เพื่อรอรับเงินปันผล โดยคาดว่าปีนี้บริษัทจะจ่ายปันผลดี ประเมินไว้ที่ประมาณ 1.80 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 7% ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี
"ยังแนะนำให้ซื้ออยู่ ราคายังไม่ถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ P/E 10 เท่า ของปี 53 ที่ราคา 25.50 บาท เพราะมีส่วนหนึ่งจะ List เข้าตลาดสิงคโปร์ ก็คาดว่า P/E อยู่ประมาณ 10 เท่า แต่ของเมืองไทยเทรดอยู่ P/E 8.4 เท่า ก็ยังมี upside อยู่"นางวชิราลักษณ์ กล่าว
นอกจากนี้ แนวโน้มอุตสาหกรรมยางพาราจะดีต่อเนื่องตามอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เติบโต โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นผู้ใช้ยางรายใหญ่ที่มีโรงงานผลิตยางรถยนต์เอง ทำให้ซัพพลายยางในตลาดโลกเป็นที่ต้องการมากขึ้น โอกาสเป็นของผู้ขาย คาดว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะดีต่อเนื่อง ส่งผลให้ STA เติบโตต่อเนื่องเช่นกัน
ทั้งนี้ บล.ทรีนิตี้ ปรับราคาเหมาะสมหุ้น STA จากเดิม 18 บาท เป็น 22.50 บาท เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 จาก 2,658 ล้านบาท เป็น 3,278 ล้านบาท จากจุดเด่นคืออุตสาหกรรมยางพารายังเป็นดาวเด่นในปี 53-54 จากการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกโดยเฉพาะในตลาดจีน STA มีมาร์เก็ตแชร์ดีที่สุดในประเทศ 20%
บทวิเคราะห์ บล.ยูไนเต็ด ระบุว่า ผลการดำเนินงาน STA ไตรมาส 2/53 ถือเป็นไปตามทิศทางที่ผู้บริหารให้ไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่แนวโน้มครึ่งหลังปี 53 แม้เบื้องต้นคาดว่าจะชะลอตัวลงตามทิศทางราคายาง แต่ด้วยกำไรสุทธิครึ่งแรกปี 53 คิดเป็นกว่า 90% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเรา ดังนั้น เราจึงอยู่ระหว่างปรับประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 53 ขึ้น
"ด้วยมุมมองเชิงบวกที่มีมากขึ้นต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปี 53 ของบริษัท ประกอบกับช่วงสั้นยังมีประเด็นบวกจากการเตรียมเข้าจดทะเบียนเพิ่มทุนในตลาดสิงคโปร์ราว 280 ล้านหุ้น ดังนั้น เราจึงแนะนำ“ซื้อเก็งกำไร"บทวิเคราะห์ระบุ
เบื้องต้น หากปรับระดับ PER เป็น 10 เท่าใกล้เคียงค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเกษตรแล้ว จึงได้ราคาเป้าหมายปี 53-54 ใหม่ที่ 21.70 บาทและ 22.9 บาท