นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต.ประจำเดือนสิงหาคม มีมติให้แก้ไขหลักเกณฑ์การให้คำแนะนำในหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยอนุญาตให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์หรือผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต่างประเทศสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทั้งที่เป็นของไทยและของต่างประเทศได้
ทั้งนี้ จะต้องเป็นการให้คำแนะนำเฉพาะแก่ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ให้คำแนะนำดังกล่าวต้องได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านหลักทรัพย์และตลาดซื้อขายหลักทรัพย์ หรือด้านสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในต่างประเทศที่เป็นสมาชิกของ International Organization of Securities Commissions (IOSCO)
และหากเป็นการให้คำแนะนำแก่ผู้ลงทุนสถาบันเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือหลักทรัพย์ที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง ผู้ให้คำแนะนำต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลขาดทุนสูงสุด (worst case scenario) ที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขายสัญญาหรือหลักทรัพย์ดังกล่าว ประกอบการให้คำแนะนำด้วย
ก่อนหน้านี้ ก.ล.ต.ได้อนุญาตให้ผู้ประกอบธุรกิจต่างประเทศให้คำแนะนำในหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของต่างประเทศแก่ผู้ลงทุนสถาบันไทยโดยตรงได้ เพื่อให้ผู้ลงทุนไทยมีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเป็นผู้ลงทุนทั่วไป ต้องให้คำแนะนำผ่านบริษัทหลักทรัพย์ไทย
ต่อมาสมาคมบริษัทหลักทรัพย์มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำงานของผู้วิเคราะห์หลักทรัพย์ในต่างประเทศ (regional analyst) ที่ให้ข้อมูลเปรียบเทียบหุ้นไทยกับต่างประเทศ ซึ่งอาจพิจารณาว่าเป็นการให้คำแนะนำในหลักทรัพย์ไทย และอาจขัดกับหลักเกณฑ์ที่มีอยู่เดิม ก.ล.ต. จึงเห็นควรปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตดังกล่าวให้ครอบคลุมและชัดเจนขึ้น
ประกอบกับการประชุม IOSCO ประจำปี 2010 ได้มีแนวคิดที่จะให้ผู้ขายสินค้าการเงินที่มีความซับซ้อน (complex product) ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันต้องให้ข้อมูลอย่างเต็มที่ โดยต้องคำนวณและเปิดเผยผลขาดทุนสูงสุดในการลงทุนหรือ worst case scenario ว่าหากเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในแต่ละระดับ ๆ นั้น จะมีความเสี่ยงสูงสุดเป็นเท่าใด
"ก.ล.ต. จึงได้แก้ไขหลักเกณฑ์เรื่องนี้ไปพร้อมกัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ลงทุนสถาบันที่ส่วนหนึ่งเป็นผู้จัดการเงินลงทุนของผู้ลงทุนรายย่อย มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนอย่างครบถ้วน"นายธีระชัย กล่าว