ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 5.45 จุด หลังสหรัฐเผยจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์พุ่งขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 6, 2010 06:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานของสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีนี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซาลง ก่อนที่กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ค.ในคืนวันศุกร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 5.45 จุด หรือ 0.05% แตะที่ 10,674.98 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.43 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 1,125.81 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 10.51 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 2,293.06 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 6.49 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 17 ต่อ 13 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น

ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซาหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้น 19,000 ราย สู่ระดับ 479,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีนี้ และบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังอ่อนแอ ในขณะที่บริษัทหลายแห่งยังคงลดการจ้างงาน

การเปิดเผยตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์มีขึ้นก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนก.ค. ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.ค.จะลดลง 65,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ค.จะอยู่ที่ 9.6% เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 9.5%

นักวิเคราะห์กล่าวว่า อัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูงของสหรัฐถือเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่สร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุนและเจ้าหน้าที่สหรัฐ ขณะเดียวกัน จำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่พุ่งขึ้นยังสะท้อนให้เห็นว่านายจ้างส่วนใหญ่ยังคงลดการจ้างงาน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานยอดขายที่อ่อนแอของบริษัทค้าปลีก รวมถึงบริษัท คอสท์โค โฮลเซล คอร์ป, ลิมิเต็ด บราเธอร์ส และเจซี เพนนี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวันก่อนว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ทรงตัว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังคงซบเซา และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง

ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ปี 2553 ของสหรัฐ ขยายตัวในอัตรา 2.4% ต่อปี ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อทียบกับจีดีพีไตรมาสแรกที่ผ่านการทบครั้งใหม่ว่าขยายตัว 3.7% และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 2.5% ต่อปี

ทั้งนี้ หุ้นลิมิเต็ดปิดบวก 29 เซนต์ แตะที่ 26.33 ดอลลาร์ ขณะที่หุ้นคอสท์โคปิดลบ 94 เซนต์ แตะที่ 56.46 ดอลลาร์ หุ้นเจซีเพนนี ปิดร่วง 7.7% ส่วนหุ้นเวทซีล และหุ้นเดอะ บัคเคิล ซึ่งอยู่ในกลุ่มค้าปลีกด้วยนั้น ร่วงลงกว่า 4%

นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันอังคารที่ 10 ส.ค.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้ที่ 0 - 0.25% และอาจจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนปรนเพิ่มเติม หลังจากรายงาน Beige Book หรือรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขตในสหรัฐครั้งล่าสุดบ่งชี้ว่า อัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคเป็นไปอย่างล่าช้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ