นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บมจ.พรีบิลท์(PREB) เปิดเผยว่า บริษัทกำลังศึกษาการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่เป็นอาคารสูงเต็มรูปแบบ หลังจากที่ได้เริ่มทำโครงการคอนโดมิเนียม Low rise ไปแล้ว โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างมองหาทำเลที่น่าสนใจหลายแปลง ส่วนโครงการแนวราบในขณะนี้ยังไม่เน้น
"ตอนนี้เรามุ่งคอนโดฯ แบบ 8 ชั้น แต่ในอนาคตจะขึ้น High rise แน่ ตอนนี้ก็มองที่ดินไว้เยอะ ยังไม่รู้ว่าจะเป็นที่ไหน ก็ต้องรอดูว่าจะดีล กับที่ไหนได้ลงตัว"นายวิโรจน์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/53 บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม"THE TEMPO@PHAHOLYOTHIN" ซึ่งเป็นอาคารสูง 8 ชั้น มูลค่าโครงการ 370 ล้านบาท เปิดให้จองสิทธิครั้งแรกในงาน"โฮมบายเออร์เอ็กซ์โป 2010"วันที่ 19-22 ส.ค.ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และจะเปิดให้จองจริงในงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ เดือน ก.ย.โครงการดังกล่าวคาดว่าจะสร้างเสร็จภายในปีหน้า และจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/54 หรือไตรมาส 1/55
ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม"THE TEMPO" ร่วมฤดี มูลค่าโครงการ 350 ล้านบาทที่เปิดขายตั้งแต่ปลายปี 52 ได้ปิดการขายไปแล้วเมื่อมียอดขาย 90% ส่วนที่เหลืออีก 10% บริษัทจะเปิดการขายอีกครั้งเมื่อเริ่มการก่อสร้างแล้ว โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวเข้ามาในไตรมาส 1/54
นายวิโรจน์ กล่าวว่า สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทยังคงมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยรายได้จากธุรกิจรับเหมาสูงกว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 50% แม้ว่าเทียบด้านกำไรแล้วธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถทำกำไรได้มากกว่า
แผนงานครึ่งปีหลังบริษัทยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานรับเหมาก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเข้าประมูลงานใหม่อีกประมาณ 2,000 ล้านบาท เป็นงานก่อสร้างคอมโดมิเนียม อาคารสำนักงาน และโรงงาน บริษัทตั้งเป้างานใหม่เติบโตประมาณ 30% ในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของบริษัท
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ(backlog)ในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างคิดเป็นมูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท คาดว่าในปีนี้น่าจะรับรู้รายได้ประมาณ 50% ส่วนอีก 50% ทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า
นายวิโรจน์ กล่าวว่า การที่บริษัทมีสายสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของเบียร์ช้าง น่าจะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการขยายงาน เพราะบริษัทมีโอกาสในการรับงานรับเหมาก่อสร้างในโครงการต่างๆของกลุ่มดังกล่าวที่กำลังขยายงานไปมากขึ้นด้วย
"กับกลุ่มคุณเจริญก็เป็น Partner ที่ดีต่อกัน ติดต่อกันมาต่อเนื่อง ยิ่งคุณเจริญไปจับธุรกิจอสังหาฯ เราก็น่าจะได้ประโยชน์มีงานเข้ามามากขึ้น ส่วนใหญ่เราก็จะได้งานต่อเนื่องจากลูกค้าเก่า งานรับเหมาก็คงจะต่อเนื่องไปเรื่อยๆ" นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 ส.ค.53 บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่อรับรองงบการเงินในไตรมาส 2/53 เบื้องต้นคาดว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะเกิดเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก
"เหตุการณ์ทางการเมืองจริงๆก็ไม่ได้กระทบเท่าไหร่ อาจจะกระทบในแง่ที่ว่าเราควจจะได้ดีกว่าเดิมดีกว่าเป้า แต่ออกมาเป็นไปตามเป้าก็ไม่เป็นไร"นายวิโรจน์ กล่าว