บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บมจ. ไทยคม (THCOM) ที่ระดับ “BBB+" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"
อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการตลาดของบริษัทในฐานะผู้ให้บริการธุรกิจสื่อสารดาวเทียมเพียงรายเดียวในประเทศไทย ตลอดจนมูลค่าเงินลงทุนในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ผลประกอบการในธุรกิจดาวเทียมบรอดแบนด์ในประเทศไทยและออสเตรเลียที่มีแนวโน้มดี รวมทั้งประโยชน์ที่ได้รับจากการสนับสนุนของบริษัทในกลุ่ม
ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดต่างประเทศ รวมถึงความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจดาวเทียมและความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐ และแนวโน้มของธุรกิจดาวเทียมบรอดแบนด์ในตลาดสำคัญในต่างประเทศที่ยังไม่แน่นอน ทั้งนี้ ความขัดแย้งด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับธุรกิจดาวเทียมที่ยังไม่มีข้อสรุปนั้นอาจส่งผลในทางลบต่อการดำเนินงานและสถานะทางธุรกิจของบริษัทได้
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ รวมทั้งยังคงสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากธุรกิจดาวเทียมแบบทั่วไปและธุรกิจสื่อสารในภูมิภาคอินโดจีนต่อไปได้ ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับผลกระทบในทางลบหากดาวเทียมไอพีสตาร์ใช้เวลาในการสร้างตลาดนานกว่าที่คาดเอาไว้
THCOM ซึ่งเดิมชื่อ บมจ.ชินแซทเทลไลท์ เป็นผู้ให้บริการการสื่อสารด้วยดาวเทียมแบบวงโคจรค้างฟ้าจำนวน 3 ดวง โดยเป็นดาวเทียมแบบทั่วไป 2 ดวง และดาวเทียมบรอดแบนด์ 1 ดวง (ไอพีสตาร์) ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2553 บริษัทมีรายได้จำนวน 1,784 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากดาวเทียมแบบทั่วไปในสัดส่วนประมาณ 36% ของรายได้รวม และจากดาวเทียมไอพีสตาร์ประมาณ 31%
ในขณะที่รายได้จากธุรกิจสื่อสารคิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้รวม ฐานลูกค้าบริการดาวเทียมทั่วไปของบริษัทส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนฐานลูกค้าบริการดาวเทียมไอพีสตาร์ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทยและออสเตรเลีย สถานะธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทเป็นผลมาจากสถานะความเป็นผู้นำในการเป็นผู้ให้บริการสื่อสารดาวเทียมในประเทศ ส่วนความสามารถในการแข่งขันนั้นบริษัทได้รับแรงหนุนจากลักษณะของธุรกิจที่ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าได้ยากและต้องใช้เงินลงทุนสูง
สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งทั้งในตลาดภายในและต่างประเทศเป็นปัจจัยที่ทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทไทยคมมีความสม่ำเสมอและมั่นคง
ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงความคาดหวังว่า บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น(SHIN) งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะให้การสนับสนุนด้านกลยุทธ์ที่จำเป็นแก่บริษัทเพื่อเสริมสถานะทางธุรกิจ นอกจากนี้ ผลประกอบการจากธุรกิจสื่อสารในภูมิภาคอินโดจีนคือประเทศลาวและกัมพูชายังช่วยเสริมสถานะธุรกิจของบริษัทด้วย ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าแนวโน้มการเติบโตดังกล่าวจะยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องและช่วยสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงในระยะปานกลาง
นอกจากนี้ ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงธุรกิจดาวเทียมไอพีสตาร์ที่กำลังขยายตัวด้วย ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการของดาวเทียมไอพีสตาร์ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทยและออสเตรเลีย การเปิดตลาดดาวเทียมไอพีสตาร์ในประเทศอินเดียซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ในระหว่างไตรมาสที่ 3 ของปี 2553 จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนสถานะอันดับเครดิตของบริษัท
การก่อสร้างเกตเวย์ดาวเทียมไอพีสตาร์สำหรับการเชื่อมต่อสัญญาณในประเทศญี่ปุ่นก็แล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2552 โดยลูกค้าซึ่งเป็นผู้ประกอบการด้านสื่อสารของญี่ปุ่นรายหนึ่งได้ลงนามในสัญญาซื้อช่องสัญญาณบรอดแบนด์ของไอพีสตาร์จำนวนมากโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 ดังนั้น ตลาดญี่ปุ่นจึงเป็นตลาดสำคัญอีกแห่งหนึ่งในการสร้างรายได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม อนาคตของดาวเทียมไอพีสตาร์ยังมีข้อจำกัดจากความไม่แน่นอนของรายได้และระยะเวลาในการรับรู้รายได้จากตลาดในประเทศจีนอยู่ ดังนั้นจึงต้องอาศัยเวลาในการพิสูจน์ความสามารถในการแข่งขันของดาวเทียมไอพีสตาร์ในตลาดสื่อสารประเทศจีนต่อไปซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้บริหารของบริษัทในการที่จะมีข้อเสนอทางธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับพันธมิตรธุรกิจ
ฐานะการเงินของ THCOM สะท้อนถึงอัตราส่วนกำไรที่ยังคงได้รับแรงกดดัน รวมถึงกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ ภาระหนี้ในระดับปานกลาง และสภาพคล่องในระดับที่รับได้ อัตราส่วนกำไรของบริษัทได้รับผลกระทบจากดาวเทียมไอพีสตาร์ทำให้มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 36%-37% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยที่อัตราส่วนกำไรสำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2553 ลดลงมาอยู่ที่ 30% ของรายได้รวมจากสาเหตุหลักคือการลดลงของอัตราการทำกำไรของธุรกิจโทรศัพท์ในประเทศกัมพูชาเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง
เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 2,004 ล้านบาทในปี 2552 และ 416 ล้านบาทในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2553 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 18.7% ในปี 2551 เป็น 21% ในปี 2552 และอยู่ที่ระดับ 4.7% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ณ ปลายเดือนมีนาคม 2553 ระดับภาระหนี้สินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยโดยวัดจากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ลดลง
แต่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับเงินลงทุนในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทมีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนจำนวน 3,300 ล้านบาทในปี 2555 และมีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะลงทุนในดาวเทียมดวงใหม่ซึ่งมีต้นทุนสูงถึง 4,000 ล้านบาทระหว่างปี 2554-2555
ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจและความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายภาครัฐเป็นลักษณะที่เห็นได้ในอุตสาหกรรมดาวเทียม โดยความไม่ชัดเจนของแนวปฏิบัติและกฎระเบียบยังคงเป็นปัจจัยที่มีผลลบต่อการดำเนินงานของผู้ประกอบการ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งจะติดตามข้อมูลที่เกี่ยวกับปัจจัยด้านกฎหมายและข้อขัดแย้งในแนวทางปฏิบัติที่อาจส่งผลกระทบในด้านลบต่อธุรกิจและสถานะอันดับเครดิตของบริษัทไทยคมอย่างใกล้ชิดต่อไป