LPN คาดยอดขายปี53 แตะ 2 หมื่นลบ.ยอดรับรู้ได้ตามเป้า ปี54 คาด 1.15 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 6, 2010 12:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN)คาดว่ายอดขาย(พรีเซลล์)ของบริษัทในปีนี้มีโอกาสสูงทะลุ 2 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่เคยตั้งเป้าไว้ในระดับ 1.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่ ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก คือโครงการลุมพินี พาร์ค ริเวอร์ไซด์ พระราม 3 มูลค่าโครงการ 5,500 ล้านบาท ในวันที่ 9 ต.ค.นี้ โดยจะรับรู้รายได้ในปี 55

"ถ้าเป็นไปตามที่คาดหวังยอดพรีเซลปีนี้อาจจะทะลุ 20,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการที่พระราม 3 จะเป็นรายได้ในครึ่งแรกปี 55 โครงการนี้มั่นใจว่าจะขายได้หมดเพราะสำรวจตลาดมาแล้วคาดสร้างเสร็จในปี 55 และคาดรับรู้รายได้ในครึ่งแรกปี 55" นายโอภาส กล่าว

การเปิดขายโครงการเพลส พระราม 9 เฟส 2 เมื่อ 18 ก.ค.มียอดขายกว่า 2,000 ล้านบาท ทำให้ยอดขายขณะนี้ทะลุ 16,000 ล้านบาทไปแล้ว และ ณ สิ้นไตรมาส 2/53 มียอดขายรอโอน(Backlog)แล้ว 13,740 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าทั้งปีนี้จะมียอดรับรู้รายได้ตามเป้าที่ 9,600 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกรับรู้ฯแล้ว 4,400 ล้านบาท จากนั้นในปี 54 คาดว่าจะมียอดรับรู้ฯเพิ่มขึ้นเป็น 11,500 ล้านบาท

อนึ่ง ไตรมาส 2/53 มีกำไรสุทธิ 502.27 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.34 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 396.17 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.27 บาท

กรรมการผู้จัดการ LPN กล่าวว่า ในช่วงปลายปีนี้เตรียมขอมติคณะกรรมการบริหารเพื่อซื้อที่ดินทำโครงการใหม่ มูลค่า 1,000 ล้านบาทเพื่อพัฒนาปลายปี 53 ต่อต้นปี 54

"ปีนี้เปิดโครงการน้อยกว่าปีที่ผ่านมาแต่โครงการที่เปิดใหญ่กว่าเป็นปีพิเศษที่ได้ที่ดินแปลงสวย ศักยภาพดีขายหมด เป็นปีที่ดีมากของ LPN เพราะหลายอย่างเป็นโอกาสที่เอื้ออำนวยมาก ซื้อที่ดินก็ได้แปลงใหญ่ทำโครงการได้สูงขึ้น และก็ขายได้หมด"นายโอภาส กล่าว

สิ่งเดียวที่กังวลคืองานก่อสร้างจะไปกระจุกตัวในช่วงเดียวกัน โดยขณะนี้มีหลายโครงการที่จะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/53 หรือช่วงเดือน พ.ย.จึงกลายเป็นความเสี่ยหากเกิดอะไรทำให้โครงการชะงักสร้างเสร็จแล้วส่งมอบไม่ได้จะทำให้รายได้ไม่เข้าในปีนี้ หรือทำให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องต้องหยุดทำการไป

"เป็นความเสี่ยงอันเดียวของ LPN สำหรับปีนี้ เพราะตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจสถานการณ์ แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดี" นายโอภาส กล่าว

สำหรับการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาในปีต่อๆไปนั้น บริษัทยังมีเวลามีโอกาสที่จะเลือกมากขึ้นไม่ได้ถูกจำกัดเรื่องเวลาทำให้ต้องรีบตัดสินใจ ตอนนี้ LPN มีโครงการรองรับรายได้ไปถึงครึ่งแรกปี 55 แล้ว ยังมีเวลาที่จะเลือกซื้อที่ดิน การแข่งขันซื้อที่ดินช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีไม่มากนัก เพราะมี focus แตกต่างจากคนอื่น รวมทั้งเรื่องการแข่งขันในธุรกิจ แต่ก็ได้มีการปรับกลยุทธการนำเสนอสินค้า โดยเฉพาะการปรับราคาเหลือยูนิต 2 ล้านบาท

นายโอภาส กล่าวถึงกรณีที่ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)แสดงความกังวลว่าอาจจะเกิดภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ว่า เป็นการส่งสัญญาณของ ธปท. เมื่อเห็นเศรษฐกิจเริ่มร้อนแรง จึงออกมาแตะเบรก แต่นส่วนของ LPN โครงการทุกโครงการที่ดำเนินการต่อเนื่องทั้งหมด ไม่มีการเข้ามาลักษณะซื้อเก็งกำไร โดยลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่ที่อาศัยจริง 80% และเพื่อลงทุน 20% ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งปล่อยเช่าได้และเช่าไม่ได้ เพราะบางยูนิตอยู่ระหว่างเปลี่ยนมือ

"ผิดหวังเล็กๆ หลังบริษัทประกาศงบฯไตรมาส 2 ออกมา หุ้นควรจะบวกแต่ลบ 0.15 บาท การส่งสัญญาณของแบงก์ชาติในตอนนี้มองว่าถ้าเทียบกับปี 40 ที่เกิด bubble แตกต่างกันโดยชิ้นเชิง ตอนนั้นมีเงินที่ได้มาเยอะมากจากฝั่งสถาบันการเงินที่จะลงไปพัฒนาอสังหาฯ ซึ่งก็มีคุณภาพบ้างไม่มีคุณภาพบ้าง หลายโครงการตึกสร้างค้างไว้

แต่ปัจจุบันแบงก์ก็คุมการปล่อยสินเชื่อ ถ้าโครงการไม่มียอดพรีเซล 70% project finance รายนั้นก็ไม่ได้ โครงการก็จบตรงนั้นไม่ได้ขึ้นไปให้เกิดความเสียหาย ปัจจุบันนี้ก็จะไม่เห็นโครงการที่ขึ้นไปคาราคาซังเหมือนปี 40 จึงเชื่อว่าปัญหาไม่น่าจะเกิดในภาพรวม ตลาดน่าจะอยู่ในภาวะที่สมดุล" นายโอภาส กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ