นายคาลิต ฮาซิม กรรมการผู้จัดการ บมจ. พรีเซียส ชิพปิ้ง(PSL)คาดว่า ในช่วงครึ่งปีหลังอัตราค่าระวางเรือของบริษัทจะทรงตัวจากครึ่งปีแรกที่ระดับ 12,035 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่บริษัทต้องการเห็นอัตราค่าระวางเรือที่ระดับ 15,000 เหรียญ/วัน/ลำ
เนื่องจากภาวะการอ่อนตัวของธุรกิจเดินเรือ โดยดัชนีค่าระวางเรือ(BDI)ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมาแตะจุดต่ำสุดในรอบ 14 เดือนที่ 1,700 จุด อาจมีสาเหตุจากการลดลงของการขนส่งสินแร่และถ่านหิน รวมถึงความแออัดของท่าเรือในประเทศแถบอเมริกาใต้เริ่มลดลง
แต่ในทางกลับกันการที่ดัชนี BDI ปรับลดลง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าซื้อเรือมือสองของบริษัทเป็นไปได้ง่ายขึ้น เนื่องจากราคาเรือมือสองเริ่มลดลงมาประมาณ 10% และบริษัทเตรียมพิจารณาที่จะซื้อเรือมือสองในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าใช้เงินเข้าซื้อ 22-24 ล้านเหรียญสหรัฐ/ลำ โดยปัจจุบันกองเรือของบริษัทมีจำนวนทั้งสิ้น 21 ลำ
"เรายังมีเป้าหมายซื้อเรือมือสองเพิ่มอีก 23 ลำ แต่คงต้องขึ้นอยู่กับราคาเรือที่น่าสนใจ และยังคงเป้าหมายการลดอายุเฉลี่ยกองเรือให้เหลือตัวเลขหลักเดียว และมีขนาดระวางเฉลี่ย 30,000 เดทเวทตัน"กรรมการผู้จัดการ PSL กล่าว
สำหรับเงินทุนที่จะใช้เข้าซื้อเรือมือสอง บริษัทจะใช้วงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่มีอยู่ 454 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีกระแสเงินสด 180 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายคาลิค ยังกล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 353 น่าจะอ่อนตัวลงตามอุตสาหกรรม แต่คาดว่าในไตรมาส 4/53 น่าจะกลีบมาดีขึ่นจากภาพรวมที่ฟื้นตัว
"ในช่วงไตรมาส 3 เชื่อว่าอุตสาหกรรมยังคงอ่อนตัว และน่าจะส่งผลต่อตัวบริษัท แต่หวังว่าไตรมาส 4 อุตสาหกรรมจะกลับมาดีขึ้น และบริษัทอาจจะดีขึ้นตาม หวังพึ่งว่าเศรษฐกิจของจีนและอินเดีย แต่การเติบโตคงเป็นเรื่องยาก เพราะเราได้มีการ Fixed ราคาค่าขนส่งไปแล้วถึง 92%"นายฮาซิม กล่าว