นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา(CPN)เปิดเผยว่า บริษัทยังคงแผนการลงทุนเฉลี่ยปีละ 7.8-8.0 พันล้านบาทในช่วงปี 53-54 เพื่อทยอยปรับปรุงสาขาห้างสรรพสินค้าที่มีอยู่และสร้างสาขาใหม่ ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์และเซ็นทรัลลาดพร้าว โดยประเมินตัวเลขการลงทุนไว้แล้ว รวมถึงศูนย์การค้าใหม่ที่มีแผนเปิดให้บริการในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทลงทุนในวงเงิน 2.87 พันล้านบาทปรับปรุงและซ่อมแซมห้างเซ็นทรัลเวิลด์ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ช่วงการชุมนุมการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปี เพื่อกลับมาเปิดให้บริการพื้นที่ส่วนใหญ่ได้ปลายในเดือน ก.ย.นี้ และจะเปิดครบ 100% ในเดือน พ.ย.53 รายจ่ายส่วนนี้มีเงินชดเชยจากประกันภัยครอบคลุมทั้งหมดแล้ว แต่บริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงพื้นที่เพิ่มเติมด้วย ในส่วนนี้คาดว่าจะต้องมีการลงทุนเองเพิ่มเติมด้วย
นายกอบชัย กล่าวว่า บริษัทยังเชื่อว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตได้มากกว่า 10% เดิมเคยตั้งเป้าไว้ในระดับ 14-15% จากปีก่อนที่ทำรายได้ราว 1.6 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทมีแผนจะปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่สาขาเดิมและสาขาใหม่ราว 5% และบางสาขา โดยเฉพาะสาขาใหม่สามารถปรับขึ้นค่าเช่าได้ถึง 10% และสาขาที่เปิดไปแล้วก็มีจำนวนพิ่มขึ้น อาทิ สาขาพัทยาและชลบุรี
ส่วนห้างเซ็นทรัลเวิลด์ที่เร่งกลับมาเปิดให้บริการภายใน พ.ย.53 และจะมีการจัดงานใหญ่เหมือนทุกปีในช่วงเทศกาลปีใหม่ ก็จะทำให้มีรายได้เข้ามามากขึ้น ซึ่งทาง CPN ไม่กังวลกับสถานการณ์ความรุนแรง และมีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว แต่ก็เชื่อว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนแล้วคงจะไม่เกิดซ้ำอีก
สำหรับปีหน้า บริษัทจะมีการเปิดห้างสรรพสินค้าสาขาใหม่ที่เชียงราย พิษณุโลก และพระราม 9 รวมทั้งการที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ น่าจะช่วยชดเชยรายได้ที่หายไปจากการปิดเซ็นทรัลลาดพร้าวเพื่อปรับปรุงเป็นเวลา 6 เดือนนับตั้งแต่ ก.พ.54 ใช้งบลงทุน 3.6 พันล้านบาทเพื่อพลิกโฉมครั้งใหญ่ ซึ่งเชื่อว่ารายได้ของบริษัทปีหน้าก็ยังจะสามารถเติบโตได้
และ หลังจากการปรับปรุงพื้นที่เซ็นทรัลลาดพร้าวแล้วคาดว่าจะมีการปรับขึ้นค่าเช่ามากกว่า 10% โดยคาดว่าจะมีแบรนด์สินค้าจากต่างประเทศเข้ามาเช่าพื้นที่มากขึ้น ส่งผลดีถึงการใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งผู้เข้ามาใช้บริการต่อวันก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 20% เฉลี่ยประมาณ 1.5-1.7 แสนคน/วัน
นายกอบชัย กล่าวถึงการเข้าใข้พื้นที่สวนลุมไนท์บาร์ซาที่บริษัทชนะประมูลเช่าพื้นที่จากสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั้น ขณะนี้คดีพิพาทของเจ้าของที่ดินและผู้เช่าเดิมอยู่ในชั้นศาลฎีกาแล้ว เชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยภายในปีนี้ และบริษัทจะสามารถเข้าพัฒนาพื้นที่ได้ตามโครงการที่วางไว้แล้ว
ส่วนการขยายกองทุนอสังหหาริมทรัพย์นั้น บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะขายสินทรัพย์ในส่วนใดขายเข้ากองทุนฯ แต่ขณะนี้ไม่ได้มีความจำเป็นมากนักที่จะต้องระดมเงินทุนผ่านกองทุนฯ เนื่องจากบริษัทยังมีกระแสเงินสดและสามารถใช้ช่องทางการกู้เงินได้ เพราะหนี้สินต่อทุน(ดี/อี)ยังอนู่ในระดับต่ำ