นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)(DELTA) คาดว่า รายได้รวมในปี 53 มีโอกาสทะลุเป้าหมาย 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยอาจจะสูงกว่า 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐได้ จากปีที่แล้วที่มีรายได้อยู่ที่ 700-800 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากยอดขายและกำไรปรับตัวดีขึ้นมาก โดยเฉพาะในตลาดยุโรป
ในปีนี้ธุรกิจทุกด้านปรับตัวดีขึ้น และในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะยังคงดีต่อเนื่อง จากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่นำเข้าตลาดตั้งแต่ปี 52 เช่น ผลิตภัณฑ์โซลาร์อินเวอร์เตอร์ที่มีสัดส่วนการขายอยู่ในตลาดยุโรปถึง 80% ชิ้นส่วนในยานยนต์ และเทเลคอมพาวเวอร์ซิสเต็มส์ ทำยอดขายได้ดี ขณะที่ธุรกิจเดิม คือ ชิ้นส่วนมอนิเตอร์ปีนี้ก็ฟื้นกลับมา ประกอบกับ ปีนี้กำลังจะมีการประมูล 3G คาดว่าจะทำให้สินค้าของบริษัทประเภทชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ต่าง ๆ เดินหน้าได้ดีด้วย
บริษัทคาดว่าในปีนี้อัตรากำไรสุทธิจะฟื้นตัวกลับมาเป็น 2 หลัก คืออยู่ที่ 12-13% หลังจากในปี 52 อัตรากำไรสุทธิตกลงไปอยู่ที่ประมาณกว่า 6% เป็นผลจากเศรษฐกิจชะลอตัว โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้อัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นมาที่กว่า 10% แล้ว
"ไม่เคยเห็น net profit เป็นตัวเลข 2 หลักมานาน ปีนี้ได้เห็น เป็นการสะท้อนสิ่งที่ทำมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา จากปีที่แล้ว 6% ซึ่งเป็นปีที่เศรษฐกิจไม่ดี อาจจะผิดปกติไปสักหน่อย" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสร้างโรงงานเพิ่มในประเทศอินเดียและสโลวาเกีย คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1-2 ปี โดยในอินเดียจะสร้างโรงงานแห่งใหม่ในแถบตอนใต้ของประเทศ เพราะที่ผ่านมาทำยอดขายได้ดีมาก ทั้ง 2 โรงงานจะช่วยหนุนยอดขายในตลาดยุโรปและช่องทางอื่นๆ
ปัจจุบันโรงงานที่สโลวาเกียทำยอดขาย 300 กว่าล้านเหรียญสหรัฐ/ปี หากสร้างโรงงานแห่งใหม่เสร็จ คาดว่ายอดขายจะเพิ่มเป็น 600 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี ส่วนที่อินเดีย ยอดขายปัจจุบันอยู่ที่ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี หากสร้างโรงงานเสร็จคาดว่ายอดขายจะเพิ่มอีก 100 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า โรงงานใหม่ทั้ง 2 แห่งผลิตชิ้นส่วนและส่งไปประกอบที่ยุโรปทั้งหมด เนื่องจากได้ราคาดีกว่าสินค้าที่ผลิตจากไทย เพราะตลาดมองว่าอยู่ในระดับเดียวกับสินค้าที่ผลิตจากจีน นอกจากนี้หากสร้างโรงงานทั้ง 2 แห่งแล้วเสร็จ อาจจะมองการสร้างที่สหรัฐฯ และที่อื่นๆ อีกหลายแห่ง
และในอีก 3 ปี หากโรงงานใหม่แล้วเสร็จบริษัทก็หวังว่าจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นแตะ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ และอัตรากำไรสุทธิจะสูงขึ้นเป็น 16%
นอกจากนั้น บริษัทได้ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ในการตั้งโรงงานผลิตโซลาร์อินเวอร์เตอร์ และ LED Lamp ซึ่งเป็นหลอดไฟชนิดใหม่ที่ประหยัดพลังงาน 60-70% คาดจะตั้งโรงงานที่ จ.ฉะเชิงเทรา และเริ่มผลิตได้ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า เนื่องจากมองว่าพลังงานทดแทนกำลังเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ทุกวันนี้ DELTA พร้อมแล้วและมีเงินเพียงพอที่จะโตเองได้ ปัจจุบันบริษัทปลอดภาระหนี้ และหากว่าจะมีการลงทุนใหม่ๆ ก็มีกระแสเงินสดเพียงพอ และผลการดำเนินงานกำไรทุกปี ที่ผ่านมาได้มีการเจรจาเทคโอเวอร์หลายบริษัท แต่ตอนนี้ชะลอออกไป เพราะเริ่มเห็นว่าการลงทุนสร้างเองให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แฃะปัจจุบันบริษัทมีความชำนาญทั้งด้านการผลิตและการตลาด