ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 54.50 จุด แต่ตลาดได้แรงหนุนจากข่าวเฟดซื้อบอนด์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 11, 2010 06:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์สามารถดีดตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวกระหว่างวันได้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลและตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับต่ำเพื่อเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ในการประชุมครั้งล่าสุด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 54.50 จุด หรือ 0.51% แตะที่ 10,644.25 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.73 จุด หรือ 0.60% ปิดที่ 1,121.06 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 28.52 จุด หรือ 1.24% ปิดที่ 2,277.17 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 7.44 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 11 ต่อ 4 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น

ในช่วงก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี) จะออกแถลงการณ์นั้น ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงไปกว่า 100 จุด ก่อนที่จะไต่ขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวกอยู่ระยะหนึ่ง หลังจากคณะกรรมการเฟดมีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ไว้ที่ระดับ 0 - 0.25% พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง และประกาศว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนหลังจากคณะกรรมการเฟดระบุว่า จะนำรายได้จากตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) และตราสารที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันของแฟนนี เม และ เฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ (GSE) ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนแล้วนั้น ไปซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาล

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญ จากเดิมที่คณะกรรมการเฟดวางแผนที่จะใช้ยุทธศาสตร์ถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป หลังจากที่เคยนำมาตรการดังกล่าวมาใช้เมื่อครั้งที่สหรัฐเพิ่งเผชิญวิกฤติการเงินครั้งใหญ่

ข่าวการเข้าซื้อพันธบัตรของเฟด่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภท 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 2.75% จากระดับก่อนออกแถลงการณ์ที่ 2.82%

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนและนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า มาตรการดังกล่าวอาจยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะหนุนเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวได้ดีเหมือนแต่ก่อน โดยนักวิเคราะห์คาดหวังไว้ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่การเข้าซื้อพันธบัตรครั้งใหม่นี้อาจจะมีมูลค่าน้อยกว่า

ในปี 2552 จนถึงต้นปี 2553 เฟดได้เข้าซื้อตราสาร MBS ไปแล้วทั้งสิ้น 1.25 ล้านล้านดอลลาร์ อีกทั้งเข้าซื้อตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันของแฟนนี เม และ เฟรดดี แมค มูลค่า 1.75 แสนล้านดอลลาร์ และซื้อตราสารหนี้ของรัฐบาลมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์

หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปิดบวกในวันนี้ นำโดยหุ้นเมอร์ก แอนด์ โค ปิดพุ่ง 1.2% หุ้นเอลี ลิลลี แอนด์ โค ปิดบวก 2.2% ส่วนหุ้นผู้ผลิตสินค้าเพื่อผู้บริโภคปิดพุ่งขึ้น โดยหุ้นคอลเกต ปาล์มโอลีฟ ปิดบวก 2.2% และหุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ปิดบวก 0.7%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมิ.ย. และกระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนก.ค.

ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค. นอกจากนี้ สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ