BANPU เผย Q2/53 กำไรสุทธิ 3.8 พันลบ. โต 40% จากราคาถ่านหินสูงขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 11, 2010 10:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บ้านปู (BANPU) กล่าวว่า กำไรสุทธิ จำนวน 3,795 ล้านบาทของไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลงร้อยละ 5 หากเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากธุรกิจถ่านหินมีส่วนสำคัญต่อผลประกอบการในไตรมาส 2 ที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ผลประกอบการของธุรกิจไฟฟ้าค่อนข้างทรงตัว

ทั้งนี้ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมจำนวน 14,840 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจถ่านหินจำนวน 13,655 ล้านบาท (คิดเป็นร้อย 92 ของยอดขายรวม) ซึ่งใกล้เคียงกับไตรมาส 1/53 และปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 15 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า และไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในประเทศจีน จำนวน 1,081 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8 ของรายได้จากการขายรวม

“ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ในไตรมาส 2 ที่ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 17 จากไตรมาส 1 มาอยู่ที่ 77.77 เหรียญสหรัฐต่อตันนั้น ช่วยให้รายได้จากธุรกิจถ่านหินทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้าถึงแม้ปริมาณขายถ่านหินในไตรมาส 2 จะลดลงร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยชดเชยราคาน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นต้นทุนในการผลิตถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้นได้รับผลดีจากสภาวะราคาขายถ่านหินในตลาดส่งออกที่ทรงตัวอยู่ในระดับที่ดี ประกอบกับบริษัทฯ มีการส่งมอบถ่านหินที่มีคุณภาพเฉลี่ยที่สูงขึ้นด้วย" นายชนินท์ กล่าว

นายชนินท์ กล่าวอีกว่า ปริมาณขายถ่านหินในไตรมาส 2 จำนวน 5.36 ล้านตันซึ่งปรับตัวลดลงร้อยละ 13 จากไตรมาสก่อนหน้านั้น เป็นการปรับลดลงตามฤดูกาลเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนในบริเวณเกาะกาลิมันตัน ของอินโดนีเซีย นอกจากนี้ปริมาณขายถ่านหินในไตรมาส 2 ที่ผ่านมายังได้รับผลกระทบจากการหยุด

การผลิตที่เหมืองโจ-ร่ง ตั้งแต่กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเมื่อเร็วๆนี้ เหมืองโจ-ร่งได้รับการต่อใบอนุญาตในการใช้พื้นที่การทำเหมืองจากกระทรวงป่าไม้แล้ว และคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตถ่านหินได้ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป โดยคาดว่าปริมาณขายถ่านหินจากอินโดนีเซียในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 23 ล้านตัน

ส่วนธุรกิจถ่านหินในประเทศจีนซึ่งบ้านปูฯ รับรู้กำไรตามสัดส่วนการถือหุ้นนั้น มีปริมาณขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้ถ่านหินในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูงประกอบกับเหมืองต้าหนิงได้มีการจำหน่ายถ่านหินเพิ่มขึ้นจากสินค้าคงเหลือ ส่งผลให้มีการบันทึกผลกำไรจากธุรกิจถ่านหินในจีนจำนวน 1,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 จากไตรมาส 1/53 แต่ปรับลดลงร้อยละ 15 จากงวดเดียวกันในปี 2552

อย่างไรก็ตามเหมืองต้าหนิงได้ปรับแผนการผลิตถ่านหินในปีนี้ลงร้อยละ 10 จากแผนเดิมที่คาดไว้ที่ 4 ล้านตัน เหลือ 3.6 ล้านตัน หลังจากที่มีความล่าช้าในการต่อใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการผลิต และจะส่งผลให้กำไรสุทธิของเหมืองต้าหนิงลดลง ซึ่งหากการได้รับใบอนุญาตล่าช้าต่อไปอีก จะส่งผลให้กำไรของเหมือง ต้าหนิงลดลงประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน

สำหรับผลการดำเนินงานธุรกิจไฟฟ้า นั้น โรงไฟฟ้าบีแอลซีพียังดำเนินงานอย่างราบรื่น โดยบริษัทฯ รับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีจำนวน 807 ล้านบาท (รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 4 ล้านบาท) ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้บันทึกกำไรสุทธิจากบริษัท BPIC ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่ดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในประเทศจีน จำนวน 45 ล้านบาท ซึ่งอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้าจากต้นทุนถ่านหินที่สูงขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ