ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดร่วงลงเกือบ 3% ในวันนี้ (11 ส.ค.) โดยดัชนีปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนได้ส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซาลง นอกจากนี้ เงินเยนที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนตื่นตระหนกและพากันเทขายหุ้น โดยเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดร่วงลง 258.20 จุด หรือ 2.70% แตะที่ 9,292.85 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตแก้วและเซรามิกร่วงลงหนักสุด ตามด้วยหุ้นกลุ่มเบ็ดเตล็ดที่ครอบคลุมถึงหุ้นบริษัทเครื่องพิมพ์และบริษัทผลิตเกมอย่างนินเทนโด รวมทั้งหุ้นเหมืองแร่ ส่วนหุ้นสายการบินเป็นหุ้นเพียงกลุ่มเดียวที่ดีดตัวขึ้นในวันนี้
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมส่งออกร่วงลงอย่างหนักหลังจากเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งเงินเยนที่แข็งค่าทำให้ผลกำไรในตลาดต่างประเทศของบริษัทญี่ปุ่นหดตัวลงด้วย
นักลงทุนวิตกกังวลหลังจากเฟดออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า ผลผลิตทางเศรษฐกิจและตัวเลขจ้างงานชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และคาดว่า ในระยะใกล้นี้ เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ เฟดยังตัดสินใจที่จะนำรายได้จากตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) และตราสารที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันของแฟนนี เม และ เฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ (GSE) ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนแล้วนั้น ไปซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญ จากเดิมที่คณะกรรมการเฟดวางแผนที่จะถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
มาซาโตชิ ซาโตะ นักยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนจากบริษัทหลักทรัพย์มิซูโฮ อินเวสเตอร์ส ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า "การตัดสินใจของเฟดในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่น และจะส่งผลให้เงินเยนแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อบริษัทญี่ปุ่น"