บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) คาดว่า ในช่วงครึ่งหลังปี 53 กำไรของบริษัทยังคงจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ทำให้คาดว่ากำไรทั้งปี 53 จะเติบโตแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อจากปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นมาที่ 19% จากปีก่อน 17% ภายใต้คาดการณ์รายได้ปีนี้เติบโตมากกว่า 20%
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร CPF กล่าวว่า บริษัทคาดกำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตสูงเป็นประวิติการณ์จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เติบโตมากกว่า 20% เช่นเดียวกับรายได้ที่คาดว่าจะเติบโตมากว่า 20% หรือมาอยูี่ที่ 1.8 แสนล้านบาท เนื่องจากในครึ่งปีแรกก็มีรายได้แล้ว 9.1 หมื่นล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลังภาพรวมก็ดีขึ้น จึงน่าจะส่งผลให้ทั้งปีเป็นไปตามที่วางไว้
ธุรกิจอาหารให้อัตรากำไร(มาร์จิ้น)ที่ดีขึ้นจากการสร้างแบรนด์ให้ที่เป็นที่รู้จักมากขึ้น ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศทั้งรายได้และกำไรก็ปรับตัวเพิ่มมากขึ้น ผลผลิตกุ้งก็เติบโตได้ดี หลังจากผลผลิตกุ้งทั่วโลกลดลง จึงส่งผลดีต่อประเทศไทยรวมถึงบริษัท ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่าจะส่งผลต่อมาร์จิ้นทั้งปีเพิ่มขึ้นมาที่ 19% จาก 17.2% ในปีก่อน
ส่วนแผนงาน 5 ปีข้างหน้า (53-57) บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 60% จาก 40% ในปีนี้ทั้งจากการลงทุนในต่างประเทศและการส่งออก โดยในส่วนการส่งออกต่างประเทศใน 5 ปีข้างหน้าคาดว่าจะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็น 20% จาก 13% ซึ่งก็จะเป็นการเพิ่มรายได้และกำไรให้กับบริษัทในอนาคตเพราะมีมาร์จิ้นสูง
ขณะที่แผนการลงทุน 5 ปีข้างหน้ายังคงเดินหน้าใส่เงินลงทุนเพิ่มในประเทศที่ลงทุนไปแล้วทั้ง อินเดีย มาเลเซีย ตุรกี และฟิลิปปินส์ ซึ่งยังมีศักยภาพการลงทุนที่ดี นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในประเทศใหม่ ๆ เพิ่มด้วย โดยเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาได้เดินทางไปประเทศแคนย่าเพื่อศึกษาการลงทุนทั้งฟาร์มเลี้ยงสัตว์และธุรกิจอาหาร
สำหรับปัญหาราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นเชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัท เพราะได้มีการสั่งซื้อล่วงหน้าไว้แล้วถึงสิ้นปีนี้ ทั้งกากถั่วเหลือง และข้าวโพด ขณะที่ค่าเงินบาทก็ไม่กระทบเพราะบริษัทมีทั้งการนำเข้าและส่งออกจึงอยู่ในภาวะสมดุล ส่วนการขายสินค้าในต่างประเทศก็จะมีการบวกปัจจัยค่าเงินบาทรวมไว้ในสัญญาแล้ว
" ธุรกิจเราเติบโตได้ดีมาก จะมีความเสี่ยงเพียงอย่างเดียวคือเรื่องโรคสัตว์ ถ้าคนกลัวและไม่บริโภคเนื้อสัตว์นี่แหละน่ากลัวที่สุด จุดแข็งของเรามาจากการเลี้ยงกุ้ง เพราะสามารถเอาชนะคู่แข่งทั่วโลกได้ โดยเฉพาะปีนี้ที่ประเทศอื่นมีปัญหาจากผลผลิตน้อย และการที่เราถือหุ้นใหญ่ในซีพีออลล์ 27% ซึ่งในครึ่งปีแรกมีกำไร 3,000 ล้านบาทก็จะเป็นส่วนดีกับเราในอนาคตอีก ธุรกิจก็เกื้อหนุนกัน"นายอดิเรก กล่าว