ที่ประชุมเจ้าหนี้ บมจ.ทีทีแอนด์ที(TT&T)วันนี้มีมติยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ที่รวมมูลหนี้ได้ 1.95 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 66.12% ของมูลหนี้ทั้งหมดที่สิทธิออกเสียง 2.9 หมื่นล้านบาท ขณะที่เจ้าหนี้ในส่วนของ บมจ.ทีโอที และกลุ่มจัสมินไม่ยอมรับแผนฟื้นฟูฯ พร้อมกันนั้นที่ประชุมได้คัดเลือกคณะกรรมการเจ้าหนี้เพื่อดูแลการบริหารแผนฟื้นฟูฯ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะแจ้งผลการลงมติในวันนี้ต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อให้คำสั่งต่อไป
"สรุปผลการลงมติเจ้าหนี้ 10 กลุ่ม ปรากฎว่ากลุ่มเจ้าหนี้ 1, 2, 3 และ 4 ลงมติยอมรับแผนฟื้นฟูฯ และแผนที่แก้ไข ซึ่งมีจำนวนหนี้ 66.12% เป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่ต้องได้จำนวนหนี้ไม่น้อยกว่า 50% ดังนั้น ที่ประชุมถือว่าเป็นการรับแผนฟื้นฟูฯและแผนที่แก้ไข"เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ กล่าวในที่ประชุม
วันนี้ที่ประชุมเจ้าหนี้เข้าร่วมไม่ครบตามจำนวนเจ้าหนี้ที่มีสิทธิออกเสียง 47 ราย มูลหนี้ 29,492 ล้านบาท หลังจากที่ได้มีการจัดกลุ่มเจ้าหนี้ใหม่เหลือ 10 กลุ่ม จากเดิม 12 กลุ่ม ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอคำขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการจาก บมจ.จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็ม(JTS) ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหนี้, บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ และ บมจ.ทีโอที รวมทั้ง คำขอของบริษัท พีแพลนเนอร์ ซึ่งเป็นผู้จัดทำแผนฯ แต่ที่ประชุมมีมติให้รับคำขอของผู้จัดทำแผนเท่านั้น
ผู้จัดทำแผนฯ เสนอแผนฟื้นฟูฯ โดยเจ้าหนี้กลุ่มที่มีหลักประกัน และ เจ้าหนี้หน่วยงานราชการ จะได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนเมื่อแผนฟื้นฟูฯ ผ่านการพิจารณา ขณะที่ดอกเบี้ยจะได้รับการแปลงหนี้เป็นทุน
ส่วนเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งเป็นสถาบันการเงินและเจ้าหนี้การค้า จะได้รับการชำระหนี้เป็นเงินสด 5% ในปีแรก และผ่อนชำระบางส่วนไปอีก 8 ปีหรือจนหมดอายุสัญญาสัมปทานในปี 61 เริ่มจ่ายได้ในไตรมาส 1/54 และสิ้นสุดไตรมาส 4/61 ขณะที่เงินต้นบางส่วนและดอกเบี้ยจะมีการแปลงหนี้เป็นทุน
สำหรับเงินผ่อนชำระจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ TT&T ที่คาดว่ารายได้ในปี 53 จะอยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท EBITDA อยู่ที่ 1.27 พันล้านบาท และจะเติบโตอย่างต่อเนื่องถึงปี 61 คาดว่าจะมีรายได้รวม 4.5 พันล้านบาท EBITDA อยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท ขณะที่บริษัทมีแผนขยายการลงทุนในโครงข่ายของตัวเอง
ดังนั้น การปรับโครงสร้างหนี้ทั้งหมดจะแบ่งเป็นชำระหนี้เงินสด 925 ล้านบาท ผ่อนชำระ 14,573 หมื่นล้านบาท และแปลงหนี้เป็นทุน 6,761 ล้านบาท ส่วนหนี้ที่หักกลบลบหนี้ 4,516 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ส่วนหนึ่ง บมจ.ทีโอที ที่มีอยู่ 8.5 พันล้านบาท รวมเป็นวงเงินปรับโครงสร้างหนี้ 2.68 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนต่างกับมูลหนี้เดิมที่รวบรวม 2.95 หมื่นล้านบาทจะมีการโต้ในชั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
และตามแผนฟื้นฟูฯ TT&T จะลดทุนจดทะเบียนจาก 7 หมื่นล้านบาท เหลือ 3.2 หมื่นล้านบาท โดยตัดหุ้นที่ยังไม่ได้เรียกชำระออกไป และลดพาร์จาก 10 บาท เหลือ 1 บาท จากนั้นจะเพิ่มทุนจำนวน 7,101 ล้านหุ้น ที่ราคาพาร์ 1 บาท ก็จะทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 10,343 ล้านบาท จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 6,763 ล้านหุ้นให้กับเจ้าหนี้ และอีก 338 ล้านหุ้นจะจัดสรรให้กับพนักงานในโครงการ ESOP เพื่อจูงใจให้พนักงานตั้งใจทำงาน หุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวจะมีระยะเวลาห้ามจำหน่ายเป็นเวลา 3 ปี
ดังนั้น จะทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นหลังแผนฟื้นฟูฯ ผู้ถือหุ้นเดิมจะมีหุ้น 31.34% และผู้ถือหุ้นที่ได้จากการแปลงหนี้เป็นทุน 65.39% และ ESOP 3.27%
ในระหว่างการประชุมวันนี้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์แจ้งว่ามีเจ้าหนี้ 7 รายในกลุ่มจัสมิน ขอเลื่อนการประชุมเจ้าหนี้ในวันนี้ออกไป โดยอ้างเหตุผลว่ามีเจ้าหนี้หลายรายขอแก้ไขแผนฟื้นฟูฯ ในสาระสำคัญ ควรจะให้เจ้าหนี้มีเวลาพิจารณาก่อน แต่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์เห็นว่าเจ้าหนี้ทั้ง 7 รายมีมูลหนี้รวมกัน 1,028 ล้านบาท คิดเป็น 3.49% ของมูลหนี้ทั้งหมด ไม่ผ่านตามกฎหมายที่จะสามารถคัดค้านได้ เพราะจะต้องมีมูลหนี้ 10% ขึ้นไป