ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 862.16 จุด เพิ่มขึ้น 0.21 จุด(+0.02%)มูลค่าการซื้อขาย 25,248.15 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวทั้งในแดนบวกและลบตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ระดับ 864.79 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 856.12 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 155 หลักทรัพย์ ลดลง 206 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 130 หลักทรัพย์
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบแคบ เป็นลักษณะการซึมลง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นมามากแล้ว โดยเมื่อวานนี้เป็นวันแรกที่ตลาดฯปรับฐานลงมา ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ก็อ่อนตัวลงด้วย
"การที่ตลาดฯบ้านเราปรับขึ้นมาตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมากว่า 140 จุด ก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาบ้าง ช่วงนี้เป็นลักษณะของการปรับฐานช่วงสั้นเท่านั้นเอง เรามองว่าการปรับฐานตรงนี้น่าจะเป็นจังหวะในการทยอยซื้อสะสม ได้เหมือนกัน"นายพิชัย กล่าว
ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงกังวลเรื่องการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยุโรป รวมถึงจีน เพราะทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกมีทิศทางย่อตัวลงมาเป็นลำดับ แต่การที่เศรษฐกิจในประเทศยังคงขยายตัวได้ดีจึงทำให้ตลาดหุ้นไทยยังดูโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นทั่วโลก ส่วนปัจจัยในประเทศยังเป็นเรื่องผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยออกมาเกือบหมดแล้ว ซึ่งหลายตัวที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ราคาหุ้นก็ตอบรับดี เช่น CPALL
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า ต้องรอดูช่วงวันหยุดยาวว่าตลาดหุ้นต่างประเทศจะมีทิศทางอย่างไร ส่วนในประเทศหลังจากหมดช่วงประกาศงบการเงิน คาดว่ามีโอกาสที่นักวิเคราะห์จะทยอยปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน รวมถึงราคาเป้าหมายไปในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีกว่าที่เคยประเมินไว้ มีโอกาสที่ปีนี้จะขยายตัวถึง 7%
พร้อมให้แนวรับ 857 จุด แนวต้าน 865 จุด
นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวผันผวนแกว่งตัวถึง 10 จุด จากแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก โดยเฉพาะความกังวลเศรษฐกิจของสหรัฐที่คาดว่าจะแย่ลงเพราะถึงขั้นที่รัฐบาลต้องอัดฉีดเพิ่มสภาพคล่อง ถือเป็นประเด็นที่ต้องติดตามและเชื่อจะกดดันตลาดแถบเอเชียด้วย นอกจากนี้การที่ตลาดหุ้นเราหยุดทำการหลายวันส่งผลให้บจ.ต่างๆ เร่งประกาศงบในไตรมาส 2/53 ออกมา แต่ก็ดีกว่าที่หลายแห่งประเมินไว้จึงดันในตลาดยืนในแดนบวกได้บ้าง
สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์หน้า ยังประเมินได้ค่อนข้างยาก ปัจจัยภายในประเทศคงขึ้นกับช่วงวันหยุดว่าจะมีสถานการณ์รุนแรงหรือไม่ ซึ่งหากเกิดปัญหาก็จะส่งผลต่อตลาดหุ้นในระยะสั้น รวมทั้งติดตามความเคลื่อนไหวตลาดสหรัฐและยุโรปที่จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวทั้งการรายงานตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ ยอดขอรับสวัสดิการการว่างงาน ตัวเลขค้าปลีก ซึ่งหากอ่อนลงกว่าที่คาดก็จะกดดันตลาด โดยให้แนวรับสัปดาห์หน้าที่ 850 จุดแนวต้านที่ 867-870 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,532.27 ล้านบาท ปิดที่ 6.15 บาท ลดลง 0.10 บาท
CPF มูลค่าการซื้อขาย 2,074.63 ล้านบาท ปิดที่ 24.70 บาท ลดลง 0.20 บาท
ITD มูลค่าการซื้อขาย 1,216.78 ล้านบาท ปิดที่ 3.22 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 734.13 ล้านบาท ปิดที่ 250.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
NWR มูลค่าการซื้อขาย 722.09 ล้านบาท ปิดที่ 0.97 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท