นายวัลลภ รุ่งกิจวรเสถียร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC)คาดว่า กำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน และสามารถจ่ายเงินปันผลได้มากขึ้นด้วย แม้ว่ารายได้จะพลาดเป้าที่ 1 หมื่นล้านบาท มาที่ 8-9 พันล้านบาท และต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท แต่สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ที่ใกล้เคียงกับอัตราในช่วงครึ่งปีแรกที่ 9%
ทั้งนี้ รายได้ที่พลาดเป้าในปีนี้มีสาเหตุหลักมาจากการเซ็นสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงล่าช้ากว่าที่คาดไว้มาก
ในช่วง 8 เดือนแรกบริษัทได้งานใหม่แล้ว 2.2 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท โดยขณะนี้มีงานรอเซ็นสัญญาอีก 1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งงานใหญ่คืองานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(backlog)1.7 หมื่นล้านบาท หากเซ็นสัญญาแล้วก็จะทำให้ปริมาณเพิ่มขึ้นเป็น 3.4 หมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้เป็นรายได้จนถึงปี 56
"งานใหม่ที่ได้แค่นี้ก็พอใจแล้ว ถ้าทำได้ก็ถือว่าเป็น extra บอกได้ว่าเราจะดีขึ้นดีขึ้น ถือว่างานใหม่ปีนี้เป็น new high ในรอบ 48 ปีตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา"นายวัลลภ กล่าว
ในช่วง 4 เดือนที่เหลือคาดว่ายังมีงานก่อสร้างของภาคเอกชนและงานภาครัฐที่ไม่ใช่โครงการขนาดใหญ่ที่จะมีการประมูลอีก ส่วนงานใหญ่คงจะไม่มีแล้ว โดยงานรถไฟสายสีแดงชข่วงบางซื่อ-รังสิต ที่บริษัทมีแผนจะเข้าร่วมประมูลนั้น คาดว่าปีนี้คงจะยังไม่สามารถสรุปผลการประมูลได้ เนื่องจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)กำหนดเปิดให้ยื่นซองประกวดราคาวันที่ 1 ธ.ค.คงจะใช้เวลาพิจารณาสักระยะหนึ่ง
นายวรพันธ์ ช้อนทอง รองกรรมการผู้จัดการ STEC กล่าวว่า บริษัทได้เข้าไปซื้อซองประกวดราคารถไฟสายสีแดงแล้ว ตามที่เปิดขายซองสัญญา 1 มูลค่าประมาณ 2.6 หมื่นล้าน และสัญญา 2 มูลค่า 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท โดยจะพิจารณาร่างทีโออาร์ก่อนว่าจะเข้าประมูลด้วยตัวเองหรือร่วมกับพันธมิตร
สำหรับผลประกอบการในปีหน้าคาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท และในปี 55 รายได้จะเติบโตอีกกว่า 2-3 พันล้านบาท ขึ้นกับโครงการรถไฟสายสีแดงว่าจะได้งานและเซ็นสัญญาได้ภายในปี 54 หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทก็จะรักษาอัตรามาร์จิ้นให้อยู่ที่ระดับ 9-10% ได้อย่างต่อเนื่อง ขึ้นกับปัจจัยราคาวัสดุก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะทรงตัวในครึ่งปีหลัง
"รายได้จะเข้ามาเยอะในปี 54-55 ปีหน้าสายสีม่วงก็จะเข้ามาประมาณ 3.5-4.0 พันล้านบาท ส่วนสายสีน้ำเงินขึ้นกับว่าได้เซ็นเร็วหรือไม่เร็ว ตอนนี้ยังต่อรองไม่เสร็จ"นายวรพันธ์ กล่าว
ส่วนในแง่ของสถานะการเงินนั้น บริษัทไม่มีหนี้สินและมีกระแสเงินสดเป็นทุนหมุนเวียนประมาณ 1 พันล้านบาท ขณะที่โรงงานคอนกรีตขึ้นรูปก็ยังไม่จำเป็นต้องขยายกำลังการผลิต แม้ว่าจะได้รับงานก่อสร้างรถไฟฟ้าเข้ามา เพราะปัจจุบันใช้กำลังการผลิตอยู่ที่เพียง 50%