ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 16.8 จุด หลังข้อมูลศก.ไม่ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นนลท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday August 14, 2010 06:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) หลังจากที่เคลื่อนตัวผันผวนในระหว่างวันเมื่อสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่มีทั้งบวกและลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 16.80 จุด หรือ 0.16% แตะที่ 10,303.15 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 4.36 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 1,079.25 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 16.79 จุด หรือ 0.77% ปิดที่ 2,173.48 จุด

นักวิเคราะห์กล่าวว่า หุ้นเผชิญแรงขายและซื้อสลับกันไปมาตลอดทั้งวัน แต่แรงซื้อ ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวขึ้น ยังไม่สามารถชดเชยแรงขาย อันเนื่องมาจากความเชื่อมั่นที่อ่อนแอของนักลงทุนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากที่มีการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์

โดยเมื่อวันศุกร์ รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นไต่ขึ้นสู่ระดับ 69.6 ในเดือนสิงหาคม จากระดับ 67.8 ในเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. หลังจากที่ลดลงติดต่อกันมาสามเดือน ซึ่งช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินฝืดที่อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น หลังจากที่ลดลงสองเดือนติดต่อกัน โดยตัวเลขค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนมิ.ย. และเพิ่มขึ้น 5.5% จากเดือนก.ค.ปีที่แล้ว เนื่องจากความต้องการรถยนต์และน้ำมันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ยังเพิ่มน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 0.5%

รายงานระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดค้าปลีกเดือนที่แล้วดีดตัวขึ้นนั้น มาจากยอดขายยานยนต์ที่ปรับตัวขึ้น 1.6% ซึ่งมากสุดนับตั้งแต่ที่เคยทะยานขึ้นถึง 6.6% ในเดือนมี.ค. และยอดขายที่สถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนก.ค. ซึ่งมากสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. โดยถ้าไม่รวมยอดขายรถและน้ำมัน ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.จะขยับลง 0.1% ในเดือนก.ค.

นักวิเคราะห์มองว่า การที่ยอดค้าปลีกไม่รวมยอดขายรถและน้ำมัน ยังคงซบเซานั้น เป็นอีกหลักฐานที่สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

โดยเฟดได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมเมื่อวันอังคารว่า "ผลผลิตทางเศรษฐกิจและตัวเลขจ้างงานชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และคาดว่าในระยะใกล้นี้ เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนนั้น แม้ว่าเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ก็ถูกจำกัดจากอัตราว่างงานที่ยังเคลื่อนไหวในระดับสูงและภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ"

ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดได้กดดันหุ้นกลุ่มผู้บริโภคให้ปรับตัวลดลง นอร์ดสตอร์ม อิงค์ ร่วง 7.2% เจซี เพนนีย์ ลบ 4.7% และโคห์ล ลดลง 3.3%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ