นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การเงินและบริหารความเสี่ยง บมจ.ทิสโก้ ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) คาดว่าในปี 53 กำไรสุทธิจากการดำเนินงานจะเติบโตประมาณ 30% เนื่องจากฐานของปีก่อนค่อนข้างต่ำ
ทั้งนี้ ครึ่งปีแรกกำไรสุทธิของกลุ่มเติบโตแล้วกว่า 40% เนื่องจากมีกำไรพิเศษกว่า 300 ล้านบาทจากการเป็นที่ปรึกษาในการควบรวมกิจการของธนาคารธนชาต(TBANK)และธนาคารนครหลวงไทย(SCIB) และ มีรายได้จากการขายสินทรัพย์เก่า ส่วนครึ่งปีหลังยังหวังว่าจะมีกำไรพิเศษเข้ามา แต่เป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทจะมีเป้าหมายจะจ่ายเงินปันผลในสัดส่วน 60-70% ของกำไรสุทธิ
นายชาตรี กล่าวว่า บริษัทยังคาดหมายผลประกอบการของกลุ่มในปีนี้ว่ายอดสินเชื่อจะเติบโตได้ 17% หลังจากครึ่งปีแรกขยายตัวได้แล้ว 15% ตามเป้าหมาย ตามการเติบโตของสินเชื่อจากรายย่อยและสินเชื่อองค์กร ขณะที่คาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM)ทั้งปี 53 จะอยู่ที่เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5% จากช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 5.3% และครึ่งปีหลังคาดว่าจะอยู่ระดับ 5%
สำหรับปัจจัยที่กังวลในช่วงครึ่งปีหลังยังเป็นประเด็นเรื่องการเมืองภายในประเทศ แต่บริษัทก็มีแผนรองรับทั้งด้านการบริหารที่มีความระมัดระวัง รวมทั้ง มีสำนักงานสำรองเพื่อป้องกันและรับมือกับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นเหมือนในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ส่วนธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ภายใต้ บล.ทิสโก้ นั้น นายชาตรี กล่าวว่า ในปี 53 ตั้งเป้าทำส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์)เพิ่มขึ้นเป็น 3% จากปัจจุบัน 2.9% โดยธุรกิจนี้แม้ส่วนแบ่งตลาดจะไม่เพิ่มขึ้น แต่รายได้ปรับตัวดีขึ้นจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เฉบี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยของบริษัทให้ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย