บมจ. ศรีไทยซุปเปอร์แวร์(SITHAI)ตั้งเป้าปี 54 ยอดขายเติบโต 17% มาที่ 6.7 พันล้านบาท จากปีนี้ที่ได้ปรับเป้าหมายยอดขายมาที่ 5.7 พันล้านบาท หลังจากครึ่งปีหลังคาดว่าจะทำยอดขายได้ราว 3 พันล้านบาท สาเหตุที่คาดการณ์ว่ายอดขายจะเติบโตได้ต่อเนื่อง เพราะยอดจำหน่ายฝาขวดน้ำดื่มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และบริษัทได้มีการเพิ่มกำลังผลิตเพิ่มขึ้น
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ กล่าวว่า ครึ่งหลังปี 53 คาดจะมียอดขาย 3 พันล้านบาท ส่วนยอดขายรวมทั้งปีนี้ปรับขึ้นเป็น 5.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% สูงกว่าเป้าเดิมที่คาดไว้ในระดับ 5.6 พันล้านบาท และจะสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 21% ได้
ทั้งนี้ หากผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายและบริษัทได้รับค่าสินไหมทดแทนจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานครบถ้วนภายในปีนี้ เชื่อมั่นว่ากำไรของบริษัทในปีนี้ต้องไม่ต่ำกว่าปีก่อนอย่างแน่นอน
"ปีนี้อัตรากำไรขึ้นต้นจะรักษา 20-21% น่าจะคอนเฟิร์มได้แน่ และที่เหมืองไทยประกันภัยบอกว่าจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ทั้งหมดในปีนี้แน่ ก็จะทำให้ผู้ถือหุ้นสบายใจว่างบฯออกมาไม่ขี้เหล่ กำไรน่าจะมากกว่าปี 52 เยอะ" นายสนั่น กล่าว
นายสนั่น กล่าวอีกว่า ในปี 54 บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 6.7 พันล้านบาท เติบโตกว่า 17% โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากฝาขวดน้ำดื่มและจะมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่ม ตลอดจนติดตั้งเครื่องเป่าขวด นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะก้าวสู่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารประเภท chilled Food และ Ready-to-eat ให้กับบริษัทที่ผลิตอาหารเพื่อส่งออกรวมทั้งเพื่อการบริโภคภายในประเทศ
สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนที่ทำจากเมลามีนปีนี้มีกำลังการผลิต 1 หมื่นตัน จะเพิ่มเป็น 1.1 หมื่นตันในปีหน้า และขยายฐานการผลิตในอินเดียแน่นอน ขณะที่ธุรกิจขายตรง ซึ่งประกอบด้วย อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ เครื่องสำอาง ผลิตภัณธ์เสริมความงาน และของใช้ประจำวัน จะมียอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดดจาก 150 ล้านบาทในปีนี้ เป็น 400 ล้านบาทในปีหน้า
ในด้านการลงทุนนั้น ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุน 700 ล้านบาท มีการใช้ไปแล้ว 400 กว่าล้านบาท และแบ่งใช้ซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงานที่อินเดีย 40-50 ล้านบาท
ส่วนแผนการลงทุนในปี 54 จะมีการสรุปในช่วงเดือน ต.ค.นี้ แต่เบื้องต้นคาดว่าจะมีการก่อสร้างโรงงานและซื้อเครื่องจักรผลิตเมลามีนที่ประเทศอินเดีย คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 200 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างได้เดือนม.ค.54 ใช้เวลาก่อสร้าง 9 เดิอนจากนั้นคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในเดือนพ.ย.54 กำลังการผลิต 60 ตัน/เดือน ด้วยเครื่องจักร 30 เครื่อง คาดยอดขายเบื้องต้นประมาณ 10 กว่าล้านบาท/เดือน และวางแผนงานในอนาคตจะขยายไปสู่การผลิตพรีฟอร์มและเครื่องเป่าขวด
นอกจากนี้ ยังเตรียมงบฯอีก 150 ล้านบาทเพื่อดำเนินธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป โดยจะซื้อเครื่องจักร 15 เครื่อง กำลังการผลิตเบื้องต้น 200 ตัน/เดือน คาดว่าจะมียอดขาย 200 ล้านบาท/ปี เริ่มผลิตได้ในเดือนพ.ย.54
นายสนั่น เปิดเผยอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรจากเดนมาร์กเพื่อทำธุรกิจใหม่ในเวียดนาม เพราะกำไรดี โอกาสขยายตัวสูงและคู่แข่งน้อย ที่มองไว้อาจเป็นประเภทบรรจุภัณฑ์ ขณะนี้ยังติดเงื่อนไขที่ทางพันธมิตรต้องการให้สินค้าที่ผลิตจำหน่ายในเวียดนามและอาเซียน แต่บริษัทไม่ต้องการให้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย