บมจ.โลหะกิจ เม็ททอล (LHK) ปรับเป้าประมาณการรายได้ในงวดปี 54 (เม.ย.53- มี.ค.54) เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 15-20% จากเดิม คาดการณ์ว่าจะเติบโตราว 10-15% เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นสัดส่วนลูกค้าหลักของบริษัทฯฟื้นตัวได้ดีกว่าคาดการณ์
"กำไรสุทธิเราตั้งเป้าไม่น้อยกว่าปีที่แล้ว เพราะยอดขายสูงขึ้น ส่วนมาริ์จิ้นปี 54 ประมาณ 10% ใกล้เคียงปีก่อน ...แต่ผมก็ยังห่วงเรื่องการเมือง และเศรษฐกิจโลก" นายประสาน อัครพงศ์พิศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ LHK กล่าว
ในงวดปี 53 (เม.ย.52-มี.ค.53) บริษัทมีรายได้รวม 2,001 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 101 ล้านบาท
นายประสาน กล่าวว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังบริษัทจะเน้นการทำการตลาดเชิงรุกในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เป็ฯหลัก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจยานยนต์ที่มีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และการเริ่มเข้าตลาดอีโคคาร์รวมถึงรถยนต์ขนาดเล็ก เชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทยังหาตลาดส่งออกใหม่ เพื่อรองรับและกระจายความเสี่ยงมากขึ้น จากปัจจุบันที่ตลาดส่งออกในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง และอินเดีย โดยคาดว่าสิ้นงวดปี 54 สัดส่วนการส่งออกจะเพิ่มขึ้น แต่คงไม่ถึง 5% จากปัจจุบันสัดส่วนอยู่ที่ 3%
ในปีนี้คาดว่าสัดส่วนรายได้จากกลุ่มยานยนต์อยู่ที่ประมาณ 35% เครื่องใช้ไฟฟ้า 32% ก่อสร้าง 9% คอมพิวเตอร์ 4% กลุ่มการเกษตรและอาหาร 4% ที่เหลือเป็นกลุ่มอื่นๆ
*ดีลอินเดีย-ญี่ปุ่นจบปีนี้
นายประสาน กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างหาข้อสรุปแผนร่วมทุนกับพันธมิตรอินเดีย ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค.54 คาดว่าจะจบในปีนี้ โดยบริษัทร่วมจัดตั้งบริษัทในอินเดียเพื่อบริหารซัพพลายเชน ซึ่ง LHK จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วนเกิน 50% น่าจะใช้เงินลงทุนเบื้องต้นไม่เกิน 2 ล้านเหรียญสหรัฐในการซื้อเครื่องจักร เช่าที่ดิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าหลัก คือ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า และ รถยนต์ซูซูกิ โดยสินค้าหลักเข้าไป คือ ท่อไอเสีย ซึ่งปัจจุบันส่งออกอินเดียไปเดือนละ 10 ล้านบาท
"ตอนนี้เราคุยกันได้ 70% แล้ว คิดว่าจบภายในปีนี้ ...สิ่งที่เราได้จะขยายสินค้า และจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่ยอดขายในอินเดียจะได้เท่าไร ต้องรอให้เปิดดำเนินการก่อนถึงจะประเมินได้" นายประสาน กล่าว
สำหรับกรณีที่ Mory Industries Inc จากญี่ปุ่น จะเข้าซื้อหุ้น บริษัท ออโต้ เม็ททอล จำกัด(AMT) ซึ่ง LHK ถือหุ้น 100% นั้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปลายเดือนส.ค.นี้ โดยสัดส่วนที่ MORY จะเข้าถือหุ้นอยู่ระหว่าง 40-49% ของทุนจดทะเบียน 140 ล้านบาท หรือ 1.4 ล้านหุ้น พาร์ 100 บาท
"เขาทำ valuation จบแล้ว คงเหลือแต่ว่าจะเคาะราคาที่เท่าไร รอสรุป คาดว่าสิ้นเดือนส.ค.จะรู้ว่าจะขายกี่หุ้นราคาที่เท่าไร "
นายประสาน กล่าวว่า การขายหุ้น AMT ให้กับMory ซึ่งเป็นบริษัทญี่ปุ่นจะส่งผลดีอย่งมากในกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ผลิตในไทยเป็นญี่ปุ่น ซึ่งจะได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้ามากขึ้น
*เข้าเทคฯบ.ยานยนต์ ต่อยอดธุรกิจ
นายประสาน กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าซื้อกิจการ หรือเทคโอเวอร์ บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศ ซึ่งอาจะเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหรือนอกตลาดก็ได้ ทั้งนี้เพื่อต่อยอดธุรกิจขยายออกไปแนวราบ ฉะนั้นบริษัทพร้อมทุ่มงบประมาณในการเข้าซื้อกิจการ โดยขณะนี้ให้ทีปรึกษาทางการเงิน(FA)2 รายเข้าไปศึกษาบริษัทที่สนใจราว 4-5 ราย โดยก่อนหน้านี้ได้เจรจาไปแล้ว 1 รายแล้วแต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ดี
"ช่วงเวลา 6 เดือน เราจะเลือกว่าเราจะจีบใคร แล้วเมื่อเลือกได้แล้วค่อยไปทาบทาม เรื่องงบเราทุ่ม ไม่อั้น " นายประสาน กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท มีความสนใจที่จะหาพันธมิตรเข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจทั้งในแนวดิ้งและแนวราบ
LHK เป็นผู้แปรรูปผลิตภัณฑ์และจำหน่ายสแตนเลส