นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น (SAMART) เผยอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรแถบเอเชีย 2 รายที่สนใจเข้าร่วมประมูลใบอนุญาต 3G หนึ่งในนั้นได้แก่ AXIATA จากมาเลเซีย คาดว่าจะได้ผลตัดสินใจได้สัปดาห์หน้าว่าจะเข้าร่วมประมูลหรือไม่ ส่วนรายได้ปี 53 ไม่มั่นใจจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.5 หมื่นล้านบาท โดยจะขอรอดูในช่วงครึ่งปีหลังก่อน
"ต่างชาติสนใจเข้ามาประมูล 3G ในเมืองไทยจำนวนมาก แต่ต้องหาพันธมิตรตามร่างทีโออาร์ที่กทช.กำหนดมา แต่เราจะประมูล 3G หรือไม่ขึ้นอยู่กับเม็ดเงินเป็นหลักและความพร้อมของพันธมิตรร แต่โดยส่วนตัว SAMART แล้ว เราอยากทำ Full MVNO ซึ่งใช้เงินลงทุนน้อยกว่า และความเสี่ยงต่ำกว่า"นายวัฒน์ชัย กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่าการลงทุนใน 3G เบื้องต้นคงต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท แม้ว่าบริษัทจะมีความพร้อมทางด้านการเงิน แต่เคยประสบปัญหาในการเป็นโอเปอเรเตอร์มาก่อนหน้านี้ ในเบื้องต้นจึงไม่ต้องการกลับมาเป็นโอเปอเรเตอร์อีก
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า แม้ว่าบริษัทจะสนใจทำ 3G และ Full MVNO แต่บริษัทก็ยังดำเนินธุรกิจ MVNO กับ ทีโอที อยู่ ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าจำนวน 8.5 หมื่นราย และไตรมาส 3/53 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 1 แสนราย ซึ่งจะเข้าสู่จุดคุ้มทุน ทำให้ บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย(SIM )ไม่ได้ต้องแบกรับภาระขาดทุน และเป้าหมายสิ้นปีคาดว่าจะมีลูกค้าเพิ่มเป็น 1.5 แสนราย
ส่วนรายได้ในปีนี้ นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า ไม่มั่นใจจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 2.5 หมื่นล้านบาท โดยจะต้องรอดูผลงานในข่วงครึ่งปีหลังก่อน แต่เบื้องต้นมั่นใจในระดับ 2 หมื่นล้านบาทต้น ๆ ไม่น่าจะยาก
"ปีนี้รายได้ของบริษัทที่ตั้งเป้า 2.5 หมื่นล้านบาทคงต้องใช้เวลาอีก 2-3 เดือนว่าจะได้รายได้ตามเป้าหมายหรือไม่ แต่ 2 หมื่นฯต้นๆน่าจะได้เห็น"นายวัฒน์ชัย กล่าว
สาเหตุที่รายได้ของ SAMART ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตามไว้ เนื่องจาก (SIM) มีรายได้ลดลงจากปีก่อน เพราะราคาขายต่อเครื่องลดลง โดยไตรมาส 2/53 เฉลี่ยเหลือเพียง 1,900 บาท/เครื่อง จาก 2,300 บาท/เครื่องเมื่อสิ้นปีที่แล้ว แต่ในแง่ของกำไรสุทธิน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของโทรศัพท์มือถือยังอยู่ในระดับที่ดี