ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ส.ค.) อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยหุ้นบีพีร่วงลงเนื่องจากการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกดำเนินไปอย่างล่าช้า นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของญี่ปุ่น
ดัชนี FTSE 100 ปิดขยับขึ้น 0.66 จุด หรือ 0.01% แตะที่ 5,276.10 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,228.64 - 5,304.64 จุด
หุ้นบีพีร่วงลง 1.6% เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วของบีพี โดยพลเรือเอก แท็ด อัลเลน แห่งหน่วยยามฝั่งของสหรัฐ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานที่ดูแลเรื่องน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก เปิดเผยว่า การทดสอบแรงดันประสบความล้มเหลว เนื่องจากไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจะไม่มีน้ำมันรั่วไหลจากบ่ออีก ขณะที่ทางการสหรัฐสั่งการให้น้ำมันบีพีเร่งขุดบ่อลดแรงดันให้เสร็จเรียบร้อยก่อนจึงจะประกาศได้ว่ามีการอุดรอยรั่วในบ่อน้ำมันมาคอนโดอย่างถาวร
นอกจากนี้ บีพีกำลังเผชิญกับปัญหาทางกฎหมาย หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลรัฐอลาบามาเตรียมฟ้องร้องบีพีเรื่องความเสียหายที่เกิดจากการรั่วไหลของน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก
ทั้งนี้ บีพีและคณะนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลกำลังพิจารณาว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป หลังจากที่พบว่าน้ำมันราว 1,000 บาร์เรลถูกกักอยู่ในบ่อมาคอนโดหลังจากที่มีการเทซีเมนต์จากปากท่อลงไปในบ่อเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่การอัดโคลนและซีเมนต์จากใต้บ่อตามที่วางแผนไว้ อาจทำให้น้ำมันทะลักออกทางปากบ่อและทำให้รอยรั่วที่ก้นบ่อแตกออกอีกครั้ง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังถูกกดดันจากความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากญี่ปุ่นเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ปี 2553 ขยายตัว 0.4% ต่อปี หรือขยายตัว 0.1% ต่อไตรมาส ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จะขยายตัว 2.3% ต่อปี และ 0.6% ต่อไตรมาส
หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นบริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดลบ 0.3% หุ้นบีจี กรุ๊ป ปิดลบ 0.2% ส่วนหุ้นเคร์น เอ็นเนอร์จี ดีดขึ้น 5.3% หลังจากมีข่าวว่าบริษัท เวแดนตา รีซอสเซส ตกลงซื้อหุ้น 60% ในเคร์น อินเดีย ซึ่งเป็นบริษัทลูกของเคร์น เอ็นเนอร์จี