นายเตชธร ลาภอุดม ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารหลักทรัพย์และผลิตภัณฑ์ตราสารทุน บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ ภาพรวมบรรยากาศตลาดหุ้นเอเชียกลับมาฟื้นตัวเล็กน้อย โดยเช้านี้ตลาดฯภูมิภาคเปิดมาบวก-ลบสลับกันไป ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯก็หยุดการอ่อนตัวลง
ดังนั้น น่าจะทำให้หุ้นในตลาดบ้านเราที่มีการปรับฐานมา 2 วันอาจจะ Sideway เชิงบวกได้ในวันนี้ แต่ในส่วนของแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติยังเบาบางอยู่ ซึ่งยังต้องระมัดระวัง ทั้งนี้ มองว่าหุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์จะเป็นหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศ เช่น กลุ่มรถยนต์
ส่วนปัจจัยในประเทศเรื่องของการเมือง เริ่มมีการลดพื้นที่บังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯลงเป็นลำดับ ๆ ซึ่งก็ช่วยลดบรรยากาศความร้อนแรงสำหรับประเด็นนี้ได้ สำหรับมาตรการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบก็น่าจะส่งผลดีในเรื่องของการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน และการปรับขึ้นเงินเดือนของข้าราชการก็จะช่วยหนุนกำลังซื้อภายในประเทศ
ทั้งนี้ หากมองการบริโภคภายในประเทศ โดยกลุ่มธุรกิจที่น่าจะได้ประโยชน์จะเป็นกลุ่มธุรกิจที่ประชาชนจับจ่ายใช้ส่อยอยู่แล้วทั้งห้างสรรพสินค้า เช่น HMPRO , BIGC , CPALL กลุ่มบันเทิง เช่น MAJOR กลุ่มโรงพยาบาลและสุขภาพ เช่น KH, BH, BGH
พร้อมให้แนวรับ 858 จุด แนวต้าน 870 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวานนี้(16 ส.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,302.01 จุด ลดลง 1.14 จุด(-0.01%)เอส
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 397.95 ล้านบาทเมื่อวานนี้
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.ย ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 75.24 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.15
- เมื่อวานนี้(16 ส.ค.)ญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลขอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ขยายตัวเพียง 0.1% เท่านั้น ต่ำกว่าการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของไตรมาสแรก ซึ่งอยู่ที่ 4.4% โดยจีดีพีของญี่ปุ่นในไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.286 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่จีนอยู่ที่ 1.335 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดของโลกยังเป็นของสหรัฐ
- รัฐบาลสรุปแก้หนี้รอบแรก ยอดลูกหนี้โอนเข้าสู่ระบบ 4 แสนราย วงเงินกู้ 4 หมื่นล้านบาท พร้อมเตรียมวงเงินฉุกเฉินอีก 2 หมื่นล้านบาท ภายใต้โครงการ "บัตรลดหนี้ มีวินัย" ด้าน"อภิสิทธิ์"เล็งประกาศขึ้นทะเบียนรอบสองราวสิ้นปีนี้ เน้นกลุ่มเกษตรกร ครู และหนี้บัตรเครดิต "กรณ์"ระบุประชาชนจะมีเงินเหลือในกระเป๋าสูงถึง 4.8 หมื่นล้านบาทต่อปี จากการประหยัดดอกเบี้ยจ่ายในโครงการนี้
- "อภิสิทธิ์"สั่งคลัง-แรงงาน ร่วมพิจารณาปรับค่าแรงขั้นต่ำ 250 บาทต่อวัน ก่อนเดือนเม.ย.ปีหน้า ขณะที่ ครม.ไฟเขียว ออกกฎขึ้นเงินเดือนข้าราชการ แต่ขีดเส้นไม่เกิน 6.7 หมื่นบาท ทุ่มงบ 200 ล้านบาท ปรับเงินเดือนแรกบรรจุข้าราชการใหม่ ยืดอายุเกษียณบางตำแหน่งเป็น 70 ปี พร้อมเด้ง "สุรชัย" นั่งที่ปรึกษานายกฯ ดัน"อำพน"เสียบเก้าอี้เลขาฯ ครม.แทน
- หน่วยงานรัฐแห่ขอแปรญัตติงบประมาณปี 2554 เพิ่มกว่า 6 หมื่นล้านบาท แต่มีงบเหลือจากที่กรรมาธิการตัดไว้เพียง 3.3 หมื่นล้านบาท เผย มหาดไทย ขอมากที่สุดคือกว่า 1.85 หมื่นล้านบาท ตามด้วย คมนาคมและศึกษาธิการ สำนักงบฯ หวั่นรายจ่ายประจำสูงเกินก่อวิกฤติงบปี 2556 จี้ รัฐบาลวางยุทธศาสตร์หยุดใช้เงินปูพรม ด้านนายกฯ กำชับรัฐมนตรีร่วมโหวตงบฯวาระ 2-3 วันที่ 18-20 ส.ค. นี้
- ค่าเงินบาทยังทำสถิติแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ปิดตลาดที่ 31.81-31.83 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แข็งค่าขึ้นประมาณ 10 สตางค์ เมื่อเทียบกับเปิดตลาดที่ระดับ 31.90-31.93 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เป็นผลจากผู้ส่งออกยังขายเงินเหรียญสหรัฐอย่างต่อเนื่อง