หุ้น SAMART ราคาพุ่งพรวดขึ้น 7.24% มาอยู่ที่ 8.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท มูลค่าซื้อขาย 135.98 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.24 น. โดยเปิดตลาดที่ 7.85 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 8.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 7.85 บาท
ล่าสุดเมื่อ 10.35 น.หุ้น SAMART อยู่ที่ 8.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท(+6.58%)มูลค่าซื้อขาย 149.83 ล้านบาท
นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บีฟิท กล่าวว่า ราคาหุ้น บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น (SAMART)ปรับตัวสูงขึ้น ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างคึกคัก คาดว่าจะเป็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรตามข่าวเรื่องสนใจร่วมประมูลใบอนุญาต 3G ซึ่งเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือเปล่าคงจะต้องรอดูต่อไป
เมื่อวานนี้(16 ส.ค.)นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น (SAMART)ได้เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรแถบเอเชีย 2 รายที่สนใจเข้าร่วมประมูลใบอนุญาต 3G หนึ่งในนั้นได้แก่ AXIATA จากมาเลเซีย คาดว่าจะได้ผลตัดสินใจได้สัปดาห์หน้าว่าจะเข้าร่วมประมูลหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เช้านี้ราคาหุ้น SAMART ได้เล่นกระชากขึ้นไปทะลุแนวต้าน 7.95 บาท ตอนนี้แนวดังกล่าวจึงกลายเป็นแนวรับไป และมีแนวต้านถัดไปที่ 8.20-8.25, 8.6 บาท
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.ทรีนิตี้ มองว่า SAMART ความพยายามตั้งหลักมา 4 ปี คาดจะสัมฤทธิ์ผลในปีนี้ โดยกำไรสุทธิไตรมาส 2/53 ดีตามคาด 141 ล้านบาท 1H53 กำไร 292 ล้านบาท เราคาดการณ์ทั้งปีกำไรสุทธิ 688 ล้านบาท
กำไร SAMART ที่ดีขึ้นคอนเฟิร์มการฟื้นขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ รับกระแสทั้ง Consumption (ผ่านการใช้จ่ายมือถือของบริษัทในเครือคือ SIM) และ Government Spending (ผ่านการใช้จ่ายภาครัฐ งานประมูลที่เพิ่มเข้ามาผ่านบริษัทในเครือคือ SAMTEL) ถ้าเศรษฐกิจไม่ฟื้นเด่นชัดฐานกำไรต่อปีจะตกประมาณปีละ 400-500 ล้านบาท กระแสเงินสดของ SAMART ดีขึ้น
ทั้งนี้ยังไม่นับรวม Special Stories เช่น โครงการประมูลงานภาครัฐเพื่อสร้างโครงข่าย 3G ให้ ทศท. งานขาย-ติดตั้งจานดาวเทียมในโครงการ CAT TV รวม 3 ปี 3 ล้านจานทั่วประเทศ ช่วง 2554-2556 เฉลี่ยปีละ 1 ล้านจาน รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรต่างชาติเข้าประมูล 3G และโครงการรถเมล์ NGV เป็นสตอรี่เพิ่มเข้ามาได้จริงก็ดี ไม่ได้ก็เป็นสีสัน