โบรกฯ แนะลงทุนกลุ่มแบงก์คาดกนง.ขึ้นอาร์/พี 25 ส.ค.-ดีมานด์สินเชื่อพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 17, 2010 11:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์รับคาดการณ์ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันที่ 25 ส.ค.นี้จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% และการขยายตัวของสินเชื่อตามความต้องการของบริษัทขนาดใหญ่และโครงการลงทุนขนาดใหญ่อย่าง 3G

บทวิเคราะห์ ของบล.ธนชาต มองว่า กลุ่มแบงก์ได้ประโยชน์สูงสุดจากสินเชื่อขยายตัวและการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย การปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัทขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น THAI ที่เปลี่ยนแผนมาใช้เงินกู้ยืมจากธนาคารในประเทศ 2 หมื่นล้านบาทแทนการออกหุ้นกู้ นอกจากนี้ยังมีบริษัทในกลุ่มสื่อสารที่ต้องเตรียมเงินรวมกันมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท สำหรับประมูลใบอนุญาต 3G และลงทุนโครงข่ายใหม่

ทั้งนี้ ถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อธนาคารขนาดใหญ่ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Corporate และ SMEs ทำให้แนวโน้มของการขยายตัวของสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลังจะสูงขึ้นกว่าธนาคารที่เน้นสินเชื่อรายย่อย นอกจากนี้ ในวันที่ 25 ส.ค. เชื่อว่า กนง. จะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 0.25% จากปัจจัยทั้งสองอย่าง เราเชื่อว่า KBANK จะได้รับประโยชน์มากที่สุดในกลุ่ม

ขณะที่นายธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า หุ้นในกลุ่มแบงก์ยังน่าสนใจลงทุน และสามารถลงทุนได้ในระยะกลาง-ยาว ถึงแม้ราคาหุ้นบางตัวจะตอบรับกับการประกาศงบในไตรมาส 2/53 ที่ออกมาแล้วและมีการย้ายลงทุนในตัวอื่นบ้างก็ตาม แต่เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังเติบโตดีในครึ่งปีหลังส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยก็ยังไม่ได้ปรับสูงมากนักจึงยังมีโอกาสในการหาผลตอบแทนจากการลงทุนได้ และมองว่าแนวโน้มการทยอยประกาศตัวเลขสินเชื่อในกลุ่มแบงก์ยังสามารถขยายตัวต่อเนื่องจากเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา

แต่อย่างไรก็ตามการที่หุ้นในกลุ่มแบงก์มีการทยอยซื้อก่อนหน้านี้ และราคาหุ้นก็ปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก จึงแนะนำให้รอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง เพราะเชื่อว่าในครึ่งปีหลังธุรกิจในกลุ่มแบงก์ยังขยายตัวได้ดี โดยคาดว่ากำไรสุทธิในปี 53 จะขยายตัว 15% และ 14% ในปีหน้า ภายใต้การที่ดอกเบี้ยยังไม่ปรับขึ้นแรง ขณะที่การขยายตัวของสินเชื่อโดยรวมคาดว่าในครึ่งหลังปี 53 คาดว่าจะขยายตัว 4% จากครึ่งปีแรกที่ขยายตัว 3.8% และทั้งปีจะขยายตัว 8%

จากปัจจัยดังกล่าวบริษัทมองว่าหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ยังลงทุนได้และได้ประโยชน์ในช่วงนี้ที่บริษัทแนะนำลงทุน ได้แก่ KBANK, SCB, BBL ซึ่ง KBANK ให้ราคา 103 บาท และอยู่ระหว่างการปรับเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 120 บาทในปีหน้า และเป็นหนึ่งในหุ้น Top Picks ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมขยายตัวแข็งแกร่งมากในปีนี้ คุณภาพสินทรัพย์ดีมากและมี NPL Ratio ต่ำสุดในกลุ่ม นอกจากนั้นยังมีฐานลูกค้า SME ที่แข็งแกร่งมาก อีกทั้งการปล่อยสินเชื่อกลุ่มลูกค้าดังกล่าวยังมีผลตอบแทนที่สูงซึ่งถือว่าได้เปรียบรายอื่น

ขณะที่สินเชื่อของ KBANK คาดว่าจะเติบโตได้ 8.0% YoY ในปี 53 ซึ่งดีขึ้นมากจากปีก่อนที่ 4.4% และอยู่ในเป้าหมายการขยายตัวของธนาคารที่ 7-9% ด้านส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย(NIM)คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.76% ในปี 53 จาก 3.53% ในปี 52 ที่ผ่านมา เนื่องจากคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน 2H53 อย่างค่อยเป็นค่อยไป และธนาคารเน้นการปล่อยสินเชื่อที่ให้ Yield สูงในกลุ่ม SME

และในส่วน SCB ให้ราคาเป้าหมายที่ราคา 97 บาท หลังจากที่สินเชื่อในไตรมาส 2/53 กลับมาโดดเด่น จากเดิมที่ไม่เติบโต และ BBL ให้ราคาเป้าหมายที่ 150 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ