นายชเนศร์ เพ็ญชาติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.จุฑานาวี(JUTHA)คาดดว่า รายได้ของบริษัทในปี 53 จะออกมาต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในระดับ 400 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทำได้ราว 300 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากในปีนี้ธุรกิจเดินเรือมีความผันผวน และรายได้จากค่าเช่าเรือในช่วงครึ่งปีแรกไม่ดีนัก เป็นผลจากการแข่งขันมีความรุนแรง ทำให้ค่าระวางเรืออยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ ไตรมาส 1/53 ค่าระวางเรืออยู่ที่ 5,840 เหรียญ/วัน/ลำ และไตรมาส 2/53 อยู่ที่ 6,555 เหรียญ/วัน/ลำ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทคาดว่าจะยังมีกำไรต่อเนื่อง และทั้งปีจะมีกำไรจากการดำเนินงานสูงกว่าปีกอนที่ทำได้ประมาณ 10 ล้านบาท แต่ยังต้องรอดูผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้ก่อนว่าจะทำให้ภาพรวมดีขึ้นจากปีก่อนหรือไม่ เพราะในปี 52 บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนถึง 47 ล้านบาท
สำหรับช่วงไตรมาส 3/53 คาดว่ารายได้น่าจะดีกว่าไตรมาส 2/53 เนื่องจากจะรับรู้รายได้จากการบริหารจัดการเรือเข้ามาเต็มไตรมาส โดยปีนี้มีจำนวนเรือที่บริษัทรับบริหารจัดการเรือเป็น 10 ลำ จาก 3 ลำในปีก่อน และปัจจุบันมีกองเรือเป็นของตัวเอง 5 ลำ
ขณะที่อัตราค่าเช่าเรือปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 2/53 อยู่ที่ 6,500 เหรียญ/วัน/ลำ ทิศทางแริ่มดีขึ้น โดยประเมินจากดัชนี BDI ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังจากร่วงลงไปต่ำสุด รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้การแข่งขันเริ่มลดลง น่าจะช่วยให้ธุรกิจเดินเรือปรับตัวดีขึ้น
ส่วนแนวโน้มการซื้อเรือใหม่นั้น นายชเนศร์ กล่าวว่า บริษัทจะพิจารณาซื้อเรือใหม่ก็ต่อเมือได้ลูกค้ารายได้ที่ทำสัญญาเช่าเรือระยะยาว 3-5 ปี และดัชนี BDI ต้องปรับตัวดีขึ้นกว่านี้ เพราะแม้ว่าขณะนี้จะสูงกว่า 1,000 จุด แต่ช่วงสูงสุดเคยไปอยู่ที่ 4,000 จุด
ปัจจุบัน บริษัทมีกำไรสะสม จำนวน 365.49 ล้านบาท และ อัตราหนี้สินต่อทุน(D/E) 2.2-2.3 เท่า ซึ่งนโยบายของบริษัทจะมี D/E ไม่เกิน 3 เท่า