หุ้น CK ราคาพุ่งขึ้น 6.77% มาอยู่ที่ 7.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท มูลค่าซื้อขาย 594.28 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.54 น. โดยเปิดตลาดที่ 6.70 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 7.15 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 6.65 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ช.การช่าง(CK)ปรับการประเมินมูลค่าไปยังปี 2554F เป็น PBV 2 เท่าปี 2554F แทน 1.7 เท่าปี 2553F ดังนั้นราคาเป้าหมายใหม่จึงอยู่ที่ 8.20 บาท จากเดิม 7.4 บาท เนื่องจากคาดว่าบริษัทจะมีโครงการใหม่และบันทึกรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับการกระตุ้นจากจำนวนโครงการที่มากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ แนวโน้มผลประกอบการคาดว่าจะดีขึ้นใน H2/53 เนื่องจากรายได้จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง(คิดเป็น 50% ของมูลค่า backlog)น่าจะเร่งตัวขึ้น และ backlog น่าจะโตขึ้นอีก จึงทำให้คาดว่าผลประกอบการของ CK น่าจะดีขึ้นในครึ่งปีหลังและปีหน้า
CK ยังจะได้รับโครงการเขื่อนไซยบุรีในลาว มูลค่า 7 หมื่นล้านบาทในสิ้นปีนี้ ขณะที่ผลประกอบการน่าจะได้รับการกระตุ้นจากการได้รับเงินโบนัสจากการเสร็จสิ้นโครงการเขื่อนน้ำงึม 2 เร็วกว่ากำหนด ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในปลายปีนี้
ด้านบล.ยูไนเต็ด ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น CK ปรับมาใช้ราคาปัจจัยพื้นฐานในปี 54 โดยวิธี Sum of the parts ที่ 9.80 บาท โดยมองผลประกอบการ 2Q53 ออกมายังไม่ดี เนื่องจากงานที่รับรู้น้อยทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมยังไม่กำไร อย่างไรก็ตาม คาดว่างานรถไฟฟ้าสีม่วงจะเข้ามามากในช่วง Q3 นี้ ซึ่งคาดว่าจะทำให้การรับรู้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น และการดำเนินงานปกติกลับมาเป็นบวกได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้
สำหรับข่าวเรื่องรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสัญญา 1 ที่อาจไม่ได้รับงาน(หลัง รฟม.ออกมาบอกว่า ITD ประมูลที่ราคาต่ำกว่า)มองว่าถ้าไม่ได้งานนี้จริง ๆ ก็ไม่กระทบต่อบริษัทมากนัก เนื่องจาก Backlog(ถ้าตัดสีน้ำเงินสัญญา 1 ออก) จะอยู่ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท ยังมีงานเขื่อนไซยะบุรีอีก 7 หมื่นล้านบาทและงานรอเซ็นสัญญาประมาณ 6 พันล้านบาทนั้น งานของ CK ก็อยู่ระดับ 1 แสนล้านบาท ถือว่าสูงมาก
รวมทั้ง CK ยังมีโอกาสได้งานสีน้ำเงินสัญญา 5 มูลค่า 5 พันล้านบาทที่คาดว่าจะเปิดซองในช่วงปลายเดือน ส.ค. — ต้น ก.ย.นี้ และยังมีงานรถไฟฟ้าสายสีแดงมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาทที่จะประมูลในช่วงต้นปีหน้า CK ก็ยังมีโอกาสได้เช่นกัน