นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค(CEN)เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัทแห่งใหม่ นอกเหนือจากที่บริษัทกำลังรอเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบมจ.เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง(GEN)ที่คาดว่าจะรู้ผลการจัดสรรหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในราวเดือน ก.ย.นี้
"การซื้อหุ้นบริษัทใหม่ดังกล่าวถือเป็นธุรกิจใหม่ที่ยังไม่มี แต่จะช่วยต่อยอดธุรกิที่มีอยู่ให้เติบโตขึ้น"นายวุฒิชัย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
พร้อมกันนั้น ในปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัททุกรูปแบบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา 1-2 ราย คาดว่าจะสรุปผลภายในปีนี้ ซึ่งก็เป็นไปได้ที่จะเข้ามาลงทุนในบริษัทย่อยที่มีอยู่ 4 บริษัท ประกอบด้วย บมจ.เอื้อวิทยา, บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรี จำกัด, บริษัท เอ็นเนซอล จำกัด และ บริษัท ซีอีเอ็น-ไอเอ็มซี จำกัด
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าธุรกิจจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จากการบริหารจัดการ รวมทั้งการต่อยอดธุรกิจให้เพื่มขึ้นเพื่อประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น โดยเฉพาะการทำให้โครงสร้างบริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ทั้งในรูปแบบลงทุนเอง หรือในลักษณะมีพาร์ทเนอร์เข้ามาร่วม
นายวุฒิชัย ยังมองว่า การที่ราคาหุ้น CEN ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาในวันนี้ น่าจะสะท้อนธุรกิจในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่ดี ตามภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ขยายตัวได้ดี ขณะเดียวกันบริษัทลูกทั้ง 4 แห่งมีการดำเนินงานในเชิงรุกมากขึ้น และสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ๆเพิ่มขึ้น ส่งผลดีทั้งในด้านของปริมาณขายและยอดขายให้เติบโตขึ้น ควบคู่ไปกับการบริหารด้านต้นทุนวัตถุดิบให้ลดต่ำลงอย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัทคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 53 รายได้และกำไรจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น และการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นโดยเฉพาะการบริหารจัดกการในเรื่องของเหล็ก ที่เป็นวัถุดิบหลัก ขณะที่ราคาเหล็กในปีนี้ก็ผันผวนน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนด้วย
ดังน้น บริษัทจึงมั่นใจว่ารายได้รวมทั้งปีนี้ 53 จะเติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 1,600 ล้านบาท
ในแง่กำไรสุทธิ ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มี บริษัทมีกำไรสุทธิ 60.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 196.08% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 63.08 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/53 ก็มีกำไรสุทธิ 37.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 213.28% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 33.36 ล้านบาท จึงไม่น่ามีปัญหาสำหรับการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังที่ตอนนี้มีสัญญานที่ดีขึ้น
"ตอนนี้เราดีขึ้นเรื่อย ๆ และค่อยๆ เดินตามเป้าหมายของเราที่วางไว้ในการมีธุรกิจที่ครบวงจร และมีบริษัทย่อยในการช่วยในการเสริมทัพ ดูอย่างเครือซีพียังมีหลายบริษัทเลยและก็เติบโตได้ดีด้วย แต่เราต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะเราไม่ได้ใหญ่เหมือนเค้า เราดูไปเรื่อย ดูทั้งโอกาสและจังหวะ ผมค่อนข้างพอใจกับการบริหารบริษัทย่อยที่มีอยู่ ที่ตอนนี้ก็ดีขึ้นมาก อย่างบริษัทเอื้อวิทยาก็น่าจะเข้าตลาดได้ในช่วงปลายปีนี้"นายวุฒิชัย กล่าว