นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป(MAJOR) มั่นใจว่า กำไรของบริษัทในปี 53 จะเติบโตได้มากกว่าเป้าเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 10% จากปีก่อนที่มีกำไรประมาณ 400 ล้านบาท เนื่องจากในช่วง 6 เดือนแรกของปี 53 บริษัทมีกำไรมากถึง 292,687 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 85% ของกำไรในปีที่แล้ว จึงทำให้กำไรในปีนี้มีโอกาสเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วค่อนข้างมาก ประกอบกับแนวโน้มของธุรกิจทุกด้านในภาพรวมดูดีขึ้นทั้งในส่วนของธุรกิจภาพยนตร์ การขายโฆษณา รวมถึง การให้เช่าพื้นที่
"ที่กำไรออกมาดีเพราะปีที่แล้วกำไรเราฐานต่ำ ประกอบกับปีนี้ภาพรวมธุรกิจดีทั้งภาพยนตร์ การขายโฆณา การเช่าพื้นที่ โดยเฉพาะไตรมาส 3 รายได้หนังดีมากจนน่าประหลาดใจ แค่เดือน ก.ค.และ ส.ค.รายได้ก็เท่ากับรายได้ไตรมาสที่ผ่านมาแล้ว"นายวิชา กล่าว
สำหรับธุรกิจเคเบิลทีวีที่บริษัทร่วมลงทุนกับพันธมิตร เช่น บมจ.กันตนา กรุ๊ป คาดว่า ในปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้ได้ประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งธุรกิจเคเบิลทีวีถือเป็นธุรกิจเสริมของบริษัทฯ โดยมองว่าเป็นสื่อที่สามารถเข้าถึงตัวผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายในต่างจังหวัด และเป็นการรองรับกับแผนการขยายสาขาของโรงภาพยนตร์ที่มุ่งเน้นไปที่สาขารอบนอกกรุงเทพฯและในต่างจังหวัด
ส่วนธุรกิจอื่นๆที่บริษัทถือหุ้นอยู่นั้นก็มีแนวโน้มที่ผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นบมจ.แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์(CAWOW)ที่บริษัทฯถือหุ้นอยู่ 19% ก็มียอดขายที่ดีขึ้น หลังจากที่มีการปรับกลยุทธ์การตลาดมาเน้นการขายสมาชิกแบบรายเดือนแทนการขายแบบสมาชิกตลอดชีพ ทำให้สามารถเก็บค่าสมาชิกและค่าบริการต่างๆได้มากขึ้น ดังนั้น MAJOR จึงยังไม่มีแผนจะเพิ่มหรือลดสัดส่วนการถือหุ้น CAWOW
ขณะที่ธุรกิจของบมจ.เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์(MPIC) ก็คาดว่าในปีนี้น่าจะสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรได้หลังจากขาดทุนในปีก่อน
นายวิชา กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทมีแผนจะเพิ่มโรงภาพยนตร์ในอีก 2 พื้นที่ คือ โครงการสุพรีมมอลล์ สามเสน และในต่างจังหวัดอีกหนึ่งแห่ง
และบริษัทจะมีการลงทุนในโครงการศูนย์การค้าเมกาบางนาที่อยู่ภายใต้บริษัทร่วมทุนของ บมจ.สยามฟิวเจอร์ดีเวลลอปเมนท์(SF)โดยได้เตรียมงบลงทุนในส่วนของ MAJOR ราว 800-1,000 ล้านบาท ซึ่งจะสร้างโรงภาพยนตร์ 16 โรง ลานโบว์ลิ่งขนาด 30 เลน ลานไอซ์สเก็ตขนาด 2.5 พันตารางเมตร และศูนย์ฟิตเนส คาดว่าจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงปี 55
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เนื่องจากมีทำเลที่ดี ประกอบกับได้ IKEA ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านจากประเทศสวีเดนเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรกับ SF จะเข้ามาเปิดศูนย์จำหน่ายขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนเนื้อที่กว่า 40,000 ตารางเมตร ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดให้บริการได้ในเดือนพ.ย.54 และเปิดบริการเต็มรูปแบบในปี 55
พร้อมกันนั้น บริษัทยังได้ขออนุมัติคณะกรรมการบริษัทในการเพิ่มเงินลงทุนในประเทศอินเดียอีก 450 ล้านบาท หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เคยขออนุมัติไว้ 350 ล้านบาท ทำให้งบลงทุนทั้งหมดเพิ่มเป็น 800 ล้านบาท โดยจะเป็นการเข้าไปซื้อหุ้นบริษัท PVR ในอินเดียเพิ่ม ประกอบกับจะนำไปพัฒนาและขยายลานโบว์ลิ่งเพิ่ม หลังจากที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดี ทั้งนี้บริษัทฯได้มีการลงทุนในประเทศอินเดียไปแล้วประมาณ 400 ล้านบาท