ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 9.69 จุด รับผลประกอบการค้าปลีกสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 19, 2010 06:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) ขานรับรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีก รวมถึงทาร์เก็ต คอร์ป และวอล-มาร์ท นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 9.69 จุด หรือ 0.09% แตะที่ระดับ 10,415.54 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.62 จุด หรือ 0.15% แตะที่ 1,094.16 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 6.26 จุด หรือ 0.28% ปิดที่ 2,215.70 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 6.66 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 17 ต่อ 12 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธุรกิจค้าปลีกของสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นและช่วยพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย โดยบริษัททาร์เก็ต คอร์ป เปิดเผยว่า ผลผลประกอบการไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 14% หลังจากบริษัทใช้มาตรการลดต้นทุนซึ่งสามารถหนุนยอดขายให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย นอกจากนี้ ทาร์เก็ตคาดว่ายอดขายในไตรมาส 3 จะเพิ่มขึ้นอีก 1-3%

ขณะที่บริษัท Chico's FAS ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่อีกแห่งหนึ่งของสหรัฐ รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ทะยานขึ้นกว่า 2 เท่า และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ความเคลื่อนไหวในด้านบวกของทาร์เก็ต คอร์ป และ Chico's FAS มีขึ้นหลังจากวอล-มาร์ท และโฮม ดีโปท์ รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดและได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการ โดยวอล-มาร์ทยังประกาศเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการ หลังจากใช้นโยบายลดต้นทุนและสามารถทำยอดขายที่แข็งแกร่งในประเทศจีน บราซิล และเม็กซิโก ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกดีดตัวขึ้น โดยหุ้นทาร์เก็ตปิดพุ่ง 2.5% หุ้นเจซีเพนนีปิดบวก 2.6% หุ้นแอนเทย์เลอร์ปิดบวก 6.5%

หุ้นโปแตช คอร์ป ออฟ ซาสแกตเชวาน อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตปุ๋ยรายใหญ่ของโลก ปิดพุ่ง 3.3% หลังจากมีรายงานว่าบีเอชพี บิลลิตัน เสนอเทคโอเวอร์กิจการโปแตชเป็นเงินมูลค่า 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่โปแตชได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวเนื่องจากยังมีมูลค่าน้อยเกินไป ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า หนี้สินภาคครัวเรือนของสหรัฐในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้อยู่ที่ระดับ 11.7 ล้านล้านดอลลาร์ ลดลง 5.5% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2551 และลดลง 1.5% จากไตรมาสแรกปีนี้ โดยหนี้สินภาคครัวเรือนปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 7 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคครัวเรือนของสหรัฐสามารถรับมือกับปัญหาหนี้สินและปรับดุลบัญชีในครัวเรือนให้เหมาะสมได้

นอกจากนี้มีรายงานว่า เฟดได้เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 2.551 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเข้าซื้อครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.2552 และมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้เม็ดเงินไหลออกจากระบบการเงินของสหรัฐ โดยเฟดดำเนินการอย่างสอดคล้องกับที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ในที่ประชุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมาว่าจะนำรายได้จากตราสารหนี้ MBS ไปซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาล ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญ จากเดิมที่คณะกรรมการเฟดวางแผนที่จะใช้ยุทธศาสตร์ถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ค. ส่วนวันศุกร์ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ