หุ้น LH ราคาวิ่งขึ้น 4.84% มาอยู่ที่ 6.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 241.88 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.34 น.โดยเปิดตลาดที่ 6.30 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 6.55 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 6.30 บาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)แนะ"ทยอยสะสม"หุ้น บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์(LH) ทั้งนี้ LH ขยายงานเชิงรุกมากขึ้น โดยจะเปิดโครงการเปิดใหม่ 12 โครงการในครึ่งปีหลัง มูลค่ารวม 1.9 หมื่นล้านบาท จากที่เปิดโครงการใหม่เพียง 5 โครงการในครึ่งปีแรก โดยมีแผนขยายตลาดไปทำเซ็กเมนต์ระดับกลาง-ล่าง ด้วยแบรนด์ใหม่ I Modern ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว และ The Key ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม ซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดขายฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ คอนโดมิเนียม The Room สุขุมวิท 62 ซึ่งขายได้แล้วมากกว่า 50% จากมูลค่าโครงการรวม 2.45 พันล้านบาท จะโอนในไตรมาส 4/52 ซึ่งจะช่วยหนุนให้กำไรเติบโตแข็งแกร่งอีกครั้ง
ขณะที่นายอดิศร ธนนันท์นราพูล รองกรรมการผู้จัดการ LH มองว่า ราคาหุ้น LH ปรับขึ้นมาในวันนี้น่าจะเป็นเพราะแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในหุ้น LH เพราะบริษัทเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคป 6.5 หมื่นล้านบาท สูงสุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จึงมักจะได้รับความสนใจในการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นมากเมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่นที่ปรับขึ้นไปแล้วก่อนหน้านี้
นอกจากนี้การที่บริษัทมีแผนในการเปิดโครงการในครึ่งปีหลังที่มากถึง 14 โครงการ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งมากกว่าครึ่งแรก รวมทั้งการขยายตลาดไปทำเซ็กเมนต์ระดับกลาง-ล่าง และการปรับระดับราคาขายลงมาเพื่อขยายฐานลูกค้า อย่างบ้านเดี่ยวราคาลงมาที่ 3 ล้านบาท ทาวเฮ้าส์ลงมาที่ 2 ล้านบาท ประเด็นดังกล่าวน่าจะทำให้นักลงทุนมองว่าช่วยหนุนยอดขายฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
"ในครึ่งปีหลังจะเห็นการเปิดตัวของเราที่มากขึ้น ซึ่งจะเป็นสัญญาญบวกให้กับเรา แต่การที่จะปรับเป้ายอดรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากที่ตั้งไว้ 1.5 หมื่นล้านบาทหรือไม่นั้น ผมคงต้องขอดูตลาด และสถานการณ์ในครึ่งปีหลังก่อน แม้ตอนนี้สัญญานการฟื้นตัวจะดีขึ้นทั้งเศรษฐกิจและผู้บริโภค"นายอดิศร กล่าว
อนึ่ง วานนี้ นางศศิธร พงศธร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย ซึ่งมีเครือ LH ถือหุ้นใหญ่ระบุว่าธนาคารอยู่ระหว่างการเจรจา เพื่อหาพันธมิตรในการระดมทุน พร้อมทั้งเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และคาดว่าจะเปิดเสนอขายหุ้นครั้งแรก (IPO) ได้ประมาณปลายปี 2553 หรือไม่เกินไตรมาส 1 ของปี 54