นางปราถนา มงคลกุล ประธาน เจ้าหน้าที่การเงิน บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล(MINT)เปิดเผยว่า บริษัทคาดหวัวว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตได้ 20% จากปีก่อน โดยอยู่ระหว่างการรอดูว่าจะสามารถรับรู้ยอดโอนโครงการ St. Regis จำนวน 6 ยูนิตได้ทันภายในปีนี้หรือไม่ ซึ่งหากไม่สามารถโอนโครงการดังกล่าวได้ทัน ก็ยังเชื่อว่ากำไรสุทธิจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน
บริษัทยอมรับว่ารายได้และกำไรในไตรมาส 3/53 คงจะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/52 เนื่องจากอัตราการเข้าพักและราคาเฉลี่ยห้องพักลดลง 5-8% แต่อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอาหารยังเติบโตได้ดีและเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัท ซึ่งในปีนี้ก็คาดว่าธุรกิจอาหารจะมีอัตราการเติบโต 10% ทั้งรายได้และกำไร มาจากการเปิดสาขาเพิ่มขึ้น วางเป้าหมายไว้ 80 สาขา จาก 1,000 สาขาในสิ้นปี 52
นางปรารถนา กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาบริษัทประสบปัญหาการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ทำให้โรงแรมโฟร์ซีซันต้องปิดกิจการไประยะเวลา 2 เดือน ขณะที่โรงแรมในเครือมีอัตราการเข้าพักที่ลดลงด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งปี 53 บริษัทยังเชื่อว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ระดับ 56% แต่ก็ยอมรับว่าราคาเฉลี่ยของห้องพักลดลงจากการแข่งขันในเรื่องของราคาและการให้ส่วนลดกับผู้เข้าพัก
นางปราถนา กล่าวต่อว่า บริษัทเตรียมงบลงทุนในปีนี้จำนวนมากถึง 6 พันล้านบาท จากการที่โครงการ St.Regis ใกล้แล้วเสร็จ รวมถึงครบกำหนดชำระเงินในการซื้อกิจการร้านอาหาร Thai Express ทั้งนี้บริษัทมีความพร้อมทางการเงินเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้บริษัทยังหวังว่าหากิจการเพิ่มจำนวน 1-2 กิจการ โดยขณะนี้บริษัทมีวงเงินรวม 2 หมื่นล้านบาทที่เตรียมพร้อมสำหรับการลงทุนใหม่ ๆ โดยหวังว่าปีนี้จะได้เห็นการเข้าซื้อกิจการใหม่ทั้งโรงแรมและร้านอาหาร โดยบริษัทมีเป้าหมายสร้างรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 40% ในอนาคต 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่รายได้จากต่างประเทศเพียง 20%
สำหรับการออกหุ้นกู้ยังคงต้องประเมินสถานการณ์ดอกเบี้ยอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้มีวงเงินการออกหุ้นกู้เหลืออีก 5 พันล้านบาท