นายสุพจน์ สุนทรินคะ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์และพัฒนาธุรกิจ บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม (SALEE) คาดว่า ผลประกอบการในครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยในไตรมาส 3/53 คาดว่าจะยังเติบโตได้ดี เนื่องจากบริษัทฯ ยังได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงการขยายตัวของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และคอนซูเมอร์โปรดักส์ ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ในปีนี้คาดการณ์รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 700-800 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนมีรายได้ 920 ล้านบาท หลังบริษัทฯ ขายเงินลงทุนในบริษัท เอสซี วาโด จำกัด ออกไปทั้งจำนวน โดยในปีนี้สัดส่วนรายได้หลักจะมาจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติกและธุรกิจผลิตฉลากสินค้าเป็นหลัก จากการดำเนินธุรกิจของ SALEE และบริษัทย่อยคือ บริษัท พาโก้ สาลี่ พริ้นท์ติ้ง จำกัด ซึ่งธุรกิจดังกล่าวของกลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี ในขณะที่มีต้นทุนราคาวัตถุดิบใกล้เคียงกับปีก่อน ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจะสะท้อนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ดีขึ้นในทิศทางเดียวกัน
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/53 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 15.90 ล้านบาท หรือ 0.07 บ./หุ้น ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 22.45 ล้านบาท หรือ 0.09 บ./หุ้น ในขณะที่งวด 6 เดือนทำกำไรได้ 43.09 ล้านบาท หรือ 0.18 บ./หุ้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 27.28 ล้านบาท หรือ 0.11 บ./หุ้น
การลดลงของกำไรสุทธิในไตรมาส 2/53 มาจากการรับรู้รายได้จากบริษัทย่อยลดลงหลังจากที่บริษัทฯ ได้ขายเงินลงทุนในบริษัทเอสซี วาโด ออกไปทั้งหมด ซึ่งทำให้มีรายได้รวมจำนวน 159 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีจำนวน 200 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 21
อย่างไรก็ตาม หลังจากการขายเงินลงทุนในบริษัท เอสซี วาโด ออกไป ทำให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทมีความเข้มแข็งอย่างมาก โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E)ของกลุ่มบริษัท ณ วันที่ 30 มิ.ย.53 อยู่ที่เพียง 0.30 เท่า ทำให้บริษัทมีกำลังและศักยภาพในการขยายการลงทุนได้อีกมาก
ดังนั้น เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจ บริษัทได้ใช้เงินลงทุนจำนวน 50 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตให้เพิ่มขึ้น โดยเป็นเครื่องจักรด้านทำแม่พิมพ์จำนวน 5 เครื่อง มูลค่ารวม 15 ล้านบาท อยู่ระหว่างการสั่งซื้อและรอการติดตั้ง เครื่องฉีดพลาสติก 2 เครื่อง มูลค่าลงทุนรวม 20 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งและทดลองการผลิตบางส่วน ส่วนเครื่องพิมพ์อีก 1 เครื่อง มูลค่าลงทุน 15 ล้านบาท อยู่ระหว่างรอการติดตั้ง โดยคาดว่าสามารถทดลองการผลิตในเดือนกันยายน
เครื่องจักรใหม่ทั้งหมดดังกล่าวนี้จะสามารถเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบในไตรมาส 4/53 เป็นต้นไป และจะส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอีก 30% จากปัจจุบัน และรับรู้เป็นรายได้อย่างเต็มที่ในปีหน้า