ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 140 จุดเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 500,000 ราย และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กิจกรรมด้านการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกหดตัวลงในเดือนส.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 144.33 จุด หรือ 1.39% ปิดที่ 10,271.21 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 18.53 จุด หรือ 1.69% ปิดที่ 1,075.63 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 36.75 จุด หรือ 1.66% ปิดที่ 2,178.95 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.97 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 5 ต่อ 1
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 500,000 ราย ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2552 ที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานพุ่งแตะระดับ 500,000 คน สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทสหรัฐยังคงลดการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ พุ่งขึ้น 8,000 ราย แตะระดับ 482,500 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2552 ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา
บริษัทเอกชนในสหรัฐยังคงลดการจ้างงานเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสสองของสหรัฐ ขยายตัวเพียง 2.4% ต่อปี ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อทียบกับจีดีพีไตรมาสแรกที่ขยายตัว 3.7% และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 2.5% ต่อปี
ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนก.ค.ของสหรัฐ ร่วงลง 131,000 อัตรา ส่วนอัตราว่างงานเดือนก.ค.ยืนอยู่ที่ระดับ 9.5%
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันอย่างหนัก หลังจากเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกหดตัวลงสู่ระดับ -7.7 จุดในเดือนส.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะดีดตัวขึ้น และหดตัวลงหลังจากเคลื่อนไหวที่ระดับ +5.1 จุดในเดือนก.ค. โดยดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 0 บ่งชี้ว่ากิจกรรมด้านการผลิตมีการขยายตัว แต่ดัชนีที่เหลือไหวต่ำกว่า 0 บ่งชี้ว่ากิจกรรมด้านการผลิตหดตัวลง
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐได้ส่งผลบดบังปัจจับบวกจากข่าวที่ว่า บริษัทอินเทล คอร์ป กำลังเข้าซื้อหุ้นในบริษัทแมคอะฟี อิงค์ มูลค่า 7.68 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นแมคอะฟีพุ่งขึ้น 57.1% แต่หุ้นอินเทลอ่อนตัวลง 3.1%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐในเดือนก.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.1% น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%