นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีทิศทางของการพักตัว ตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เปิดมาปรับฐานลงในทุกตลาด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดสหรัฐฯและตลาดในแถบยุโรปที่ต่างปรับตัวลงค่อนข้างมาก เนื่องจากมีความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังจากมีรายงานตัวเลขขอรับสวัสดิการจากการว่างงานเพิ่มขึ้นอีก 5 แสนรายสูงกว่าคาด
ประกอบกับราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างก็ปรับตัวลดลง ส่วนปัจจัยในประเทศขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง พร้อมให้คำแนะนำเล่นเทรดดิ้งรายวัน เน้นไปที่หุ้นขนาดเล็ก โดยให้แนวรับ 880 จุด ส่วนแนวต้าน 896 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวานนี้(19 ส.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,271.21 จุด ลดลง 144.33 จุด(+1.39%)เอส
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,625.61 ล้านบาทเมื่อวานนี้
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.ย ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 74.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.99
- รมว.พาณิชย์ เผยนำเข้าเดือน ก.ค.2553 มีมูลค่าสูงถึง 1.65 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สูงสุดรอบ 23 เดือนเพิ่มขึ้น 36.1% เป็นผลจากการนำเข้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่งเพิ่ม 77.1% เชื้อเพลิง 6% ทุน 29.2% วัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป 53.9% สินค้าอุปโภคบริโภค 20.4% ส่งผลไทยขาดดุลการค้า 940 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่รวม 7 เดือน เกินดุลการค้า 5,438 ล้านเหรียญสหรัฐ
- เอ็กซิมแบงก์อุ้มผู้ส่งออกลดความเสี่ยงบาทแข็งเล็งปล่อยเงินกู้หมุนเวียนก่อนส่งออกเป็น 2
- ตลาดหลักทรัพย์เผยผลประกอบการงวดครึ่งแรกปีนี้ของบริษัทจดทะเบียนกำไรรวมกันกว่า 2.92 แสนล้านบาท โต 34% รับยอดขายทะยาน โดยกลุ่มทรัพยากร การเงิน และอสังหาริมทรัพย์กำไรมากที่สุด ด้านดัชนีหุ้นบวกอีก 11 จุด ทุบสถิติสูงสุดรอบ 2 ปี 10 เดือน ลุ้นทดสอบแนวต้าน 900 จุดวันนี้ ต่างชาติลุยซื้อ 2.6 พันล้านบาท ดันยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีพลิกกลับมาเป็นซื้อสุทธิครั้งแรกนับแต่เหตุจลาจล
- สมาคมอาคารชุด-สมาคมการขายการตลาด แนะแก้กฎเว้นเก็บค่าใช้จ่ายลูกค้า กรณีเปลี่ยนมือ-สัญญา ปิดทางกลุ่มเก็งกำไร ลดปัญหาฟองสบู่-โอเวอร์ซัปพลาย ยันตลาดคอนโดฯไม่มีฟองสบู่-สัญญาโอเวอร์ฯ ด้าน "วสันต์ เคียงศิริ" ชี้คอนโดฯเก่าลดราคาปิดช่องเก็งกำไรรายใหม่ชะลอเปิดโครงการ หลังห้องชุดในตลาดกระหน่ำลดราคา ส่งผลซัปพลายเกิดใหม่ในตลาดลดลง
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2553 จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 6% ต่อปี และอาจถึง 7% ได้ ส่วนปี 2554 คาดว่าจะขยายตัว 4% เงินเฟ้อประมาณ 2.5% ต่อปี โดยเหตุที่ปีนี้เศรษฐกิจโตได้สูง เนื่องจากฐานในปีก่อนต่ำ และเมื่อปีนี้ขยายตัวได้สูงแล้ว ปีหน้าจึงไม่สูงมากอย่างปีนี้