บทวิเคราะห์ บล.เอเชียพลัส ระบุว่า บมจ.ปตท.(PTT) อยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าซื้อกิจการทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อต่อยอดการเติบโตในอนาคต อาทิ การเข้าซื้อกิจการค้าปลีก “คาร์ฟูร์" ซึ่งถือเป็นการต่อยอดกิจการ Retail Marketing ในส่วนของร้านค้า Jiffy ที่มีอยู่ในสถานีบริการปั๊มน้ำมัน หรือ การเข้าซื้อโรงกลั่น ESSO หากมีแผนที่จะขาย จึงยังถือเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม เพราะขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษา
สำหรับภาพรวมธุรกิจ PTT ยังคงเติบโตตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ในแต่ละสายธุรกิจ โดยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักของ PTT คาดว่าโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 6 จะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในงวด 4Q53 หากในวันที่ 23 ส.ค. 2553 คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมประกาศรายชื่อ 18 ประเภทกิจการรุนแรงฯ โดยยังยึดหลักร่างรายชื่อของคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ซึ่งจะส่งผลให้กำลังการผลิตก๊าซฯจากโรงแยกก๊าซฯเพิ่มขึ้นอีก 63% จากปัจจุบัน
อีกทั้งยังเดินหน้าก่อสร้างท่อส่งก๊าซฯเส้นที่ 4 ซึ่งจะทำให้กำลังการส่งก๊าซฯเพิ่มขึ้น 25% จากปัจจุบัน ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จในปี 2556 นอกจากนี้ในช่วง 2H54 จะเริ่มมีการนำเข้าก๊าซ LNG มาขายในประเทศหลังจากการก่อสร้าง LNG Terminal แล้วเสร็จ
ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีนั้นหากโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 6 เริ่มผลิตได้ก็จะส่งผลให้โรงงานใหม่ PTTPE (อีเทนแครกเกอร์ 1 ล้านตัน) ของ PTTCH เดินหน้าได้เต็มกำลังจากปัจจุบันเดินเครื่องอยูที่ 70% ทำให้ปริมาณการขายในปี 2554 เติบโตอย่างมีนัยฯ ประกอบกับ Spread น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 2H53
สำหรับธุรกิจโรงกลั่นแม้ในระยะสั้นแผนการควบรวมกิจการระหว่าง PTTAR และ IRPC จะเลื่อนออกไป แต่การเดินหน้าสร้างการเติบโตภายในบริษัทยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดย PTTAR อยู่ระหว่างการศึกษาโครงการใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ไม่เชื่อว่า PTT จะเข้าซื้อ ESSO หรือ Carrefour และไม่คิดว่าเป็นแนวคิดที่ดี เนื่องจาก PTT ไม่มีความชำนาญในธุรกิจขายส่ง และการเข้าซื้อ ESSO จะทำให้ต้องกังวลถึงประเด็นเรื่องการผูกขาด
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า PTT จะประกาศจ่ายปันผล 4.5-5 บาท ในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งจะปัจจัยหนุนในระยะสั้น แต่ถึงแม้ว่าราคาปัจจุบันจะยังคงต่ำกว่าราคาพื้นฐานที่ 311 บาท แต่ตลาดมีมุมมองเชิงบวกมากเกินไปต่อโครงการโรงแยกก๊าซแห่งที่ 6 เราจึงยังคงประมาณการแผนการเปิดดำเนินงานไว้คงเดิมและยังคงคำแนะนำ Neutral